ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ตนเองเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับกระบวนการจัดทำและเนื้อหาในคำวินิจฉัยกลาง สำหรับกระบวนการจัดทำคำวินิจฉัยนั้นไม่โปร่งใส เนื่องจากมีการเว้นระยะเวลาหลายวันหลังจากที่มีการอ่านคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา ขณะที่คำวินิจฉัยส่วนตนก็ยังไม่เผยแพร่ออกมา ซึ่งอาจจะเป็นช่องทางในการปรับปรุงคำวินิจฉัย หรืออาจเป็นการชักนำคำวินิจฉัยส่วนตนได้ ส่วนในเนื้อหาที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า มีอำนาจรับคำร้องไว้พิจารณา และวินิจฉัยตามมาตรา 68 วรรคสองได้โดยตรง ไม่จำเป็นต้องผ่านอัยการสูงสุดนั้น ร.ต.อ.เฉลิม เห็นว่า เป็นการตีความโดยอ้างเจตนารมณ์ของกฎหมาย ไม่ได้ตีความตามตัวอักษร
ส่วนการวินิจฉัยว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยยกร่างใหม่ทั้งฉบับยังไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของมาตรา 291 หากแก้ไขควรให้ประชาชนได้ลงประชามติ หรือรัฐสภาจะใช้อำนาจในการแก้ไขเป็นรายมาตรา ตนเองเห็นว่า เป็นการตีความโดยไม่มีกฎหมายเป็นฐานอ้างอิง เป็นการใช้ความรู้สึกซึ่งขัดต่อหลักนิติรัฐอย่างชัดเจน ทั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิมเห็นด้วยในประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่เป็นล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทยจะมีการหารือเกี่ยวกับคำวินิจฉัยกลางอีกครั้งในการสัมมนาพรรควันที่ 28 และ 29 ก.ค. นี้