ศูนย์วิจัยกสิกรฯหั่นจีดีจีเหลือ 4.5-5.5 จากวิกฤตเศรษฐกิจโลก
รายงานจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ผลกระทบจากวิกฤติหนี้ยุโรป รวมถึงการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของประเทศที่เป็นแกนสำคัญของโลก ส่งผลต่อภาคการผลิต ภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกของไทยชลอตัวในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทั้งนี้ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลงร้อยละ 8.0 เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม และ ลดลงร้อยละ 9.6 เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายนปีแล้ว
เช่นเดียวกับมูลค่าการส่งออกที่ลดลงร้อยละ 4.7 เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม และร้อยละ 4.3 เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายนปีแล้ว ทั้งสินค้าส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ เคมีภัณฑ์ ที่กลับมาหดตัวลงอีกครั้ง ท่ามกลางสภาวะที่ซบเซาของเศรษฐกิจโลก
ขณะที่การส่งออกสินค้าเกษตรโดยเฉพาะข้าว และยางพารา รวมถึงสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ยังคงหดตัวจากปัญหาความเสียเปรียบทางด้านการแข่งขันให้กับประเทศคู่แข่ง ขณะที่ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนขยับขึ้นเพียงร้อยละ0.02 ในเดือนมิถุนายนเมื่อเทียบกันเดือนก่อนหน้า
ส่วนช่วงครึ่งหลังปีนี้แนวโน้มเศรษฐกิจไทยน่าจะมีปัจจัยบวก จากฐานการคำนวณเปรียบเทียบที่ต่ำในช่วงเดียวกันปีก่อน ที่จะทำให้การส่งออกและการผลิตภาคอุตสาหกรรม กลับมาบันทึกอัตราการเติบโตได้อีกครั้ง ขณะที่การใช้จ่ายภายในประเทศทั้งในส่วนของภาครัฐและภาคเอกชน จะมีบทบาทสำคัญ ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยท่ามกลางสัญญาณผันผวนของเศรษฐกิจต่างประเทศ
อย่างไรก็ตามสำหรับภาพรวมทั้งปี ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ปรับลดกรอบประมาณการเศรษฐกิจไทยในปีนี้ มาที่ร้อยละ 4.5-5.5 จากกรอบเดิมที่ร้อยละ 4.5-6.0 เนื่องจากสัญญาณลบของเศรษฐกิจโลก