7 ส.ค.ครบรอบ 65 ปีโนบิตะ ตัวการ์ตูนแสนขี้ขลาด ที่สร้างกำลังใจแก่เด็กๆทั่วโลกทุกยุค
กรรไกรที่สามารถตัดเงาเพื่อนำมาใช้ทำงานบ้านแทนคนๆ นั้น อาจไม่มีประโยชน์สำหรับคนทั่วไปยกเว้นเด็กประถมผู้แสนเกียจคร้านอย่างโนบิตะ ผู้คอยพึ่งพาความช่วยเหลือจาก โดราเอมอน หุ่นจักรกลที่ถูกส่งมาจากอนาคตเพื่อเปลี่ยนชะตาชีวิตของโนบิตะให้เติบโตเป็น ผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ การผจญภัยอันสนุกสาน และมิตรภาพของทั้งสองทำให้การ์ตูนเรื่องนี้เป็นที่ นิยมทั่วโลกตั้งแต่ปี 1969 เป็นต้นมา
นับตั้งแต่ลืมตาดูโลกเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 1947 โนบิ โนบิตะ คือแบบอย่างของเด็กที่ล้มเหลวในการใช้ชีวิต ทั้ง หัวช้า, ขี้เกียจ, เรียนไม่เก่ง, ถูกรังแกที่โรงเรียน และโดนทำโทษที่บ้าน บ่อยครั้งที่แม้แต่ของวิเศษของโดราเอมอน เขาก็นำมาใช้สร้างปัญหาให้กับตนเองมากขึ้นไปอีก ชะตากรรมดังกล่าว ทำให้แฟนการ์ตูนไม่น้อยอดนึกขบขันไปกับความโชคร้ายที่พระเอกการ์ตูนผู้นี้ ต้องประสบในแต่ละตอน
แต่จุดเด่นที่เด็กประถมอย่างโนบิตะมีมากกว่าคนอื่นๆ คือจิตใจอันแสนบริสุทธ์ จากความรักที่เขามีมอบให้กับพืช และสัตว์ เป็นแบบอย่างของคนที่ปราศจากซึ่งอคติ และความโลภ โดยพ่อของซิซูกะ พ่อตาของโนบิตะในอนาคตกล่าวว่า โนบิตะยินดีในการร่วมทุกข์ร่วมสุขกับผู้อื่นเสมอ ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของการเป็นมนุษย์
ที่ญี่ปุ่นมีวิชา โดราเอม่อนศึกษา ในระดับปริญญาเอกในมหาวิทยาลัยฟุคุยาม่า โดย โยโกยาม่า ยาสุยุกิ ผู้ทำการวิจัยการ์ตูนโดราเอมอนเป็นเวลาถึง 6 ปี ได้เขียนหนังสือ วิถีเเห่งโนบิตะ ชัยชนะของคนไม่เอาถ่าน ที่ระบุว่าแม้ความขี้กลัวจะทำให้เขาเลี่ยงการเผชิญหน้า แต่เมื่อถึงยามคับขัน ก็พร้อมลุกขึ้นสู้เพื่อความถูกต้อง แม้จะประสบความล้มเหลวเท่าไหร่ ตามคำสอนของผู้เป็นย่าที่ให้เขาเป็นเหมือนตุ๊กตาล้มลุก ที่ไม่ว่าจะเจอกับอุปสรรคแค่ไหนก็พร้อมกลับมาสู้เสมอ
ฉันเองก็ทำได้ คือประโยคติดหูที่แฟนการ์ตูนได้ยินทุกครั้งที่โนบิตะแสดงความอิจฉาเมื่อเห็น คนที่เก่งกว่า แต่นั่นกลับเป็นแบบอย่างของการสร้างกำลังใจให้กับเด็กอีกหลายๆ คน ที่อาจไม่แข็งแรงเหมือนไจแอนท์ ร่ำรวยเหมือนซูเนโอะ หรือ เรียนเก่งอย่างเดคิซูกิ ให้ยึดเอาความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อจนประสบความสำเร็จของโนบิตะ เป็นแบบอย่างแห่งกำลังใจแก่เด็กๆ มาแล้วทุกยุคทุกสมัย