จนท.ชุดเสือไฟน้อยใจชาวบ้านไม่ช่วยเป็นหูเป็นตารักษาผืนป่าพรุควนเคร็ง
เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการดับไฟป่าลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ หรือชุดเสือไฟ บอกว่า แม้จะเหน็ดเหนื่อยกับการทำงานก็ไม่รู้สึกท้อถอย แต่รู้สึกน้อยใจชาวบ้านที่ไม่ช่วยเป็นหูเป็นตารักษาผืนป่า ในชุมชุนของตัวเอง เพื่อรักษาไว้ให้ลูกหลานในอนาคต
นอกจากการปล่อยปละละเลยไม่ยอมจับกุม ขณะมีการลักลอบขุด และยังพบว่า หลายคดีที่อยู่ในชั้นตำรวจ ไม่มีความคืบหน้า อีกทั้งบางคดีมีการวิ่งเต้นสั่งไม่ฟ้อง จึงทำให้กลุ่มผู้บุกรุก จึงอาจกล้าท้าทายกฎหมาย จนทำให้ป่าพรุลดลงอย่างรวดเร็ว
เพียง 1 สัปดาห์พบว่า พื้นที่ป่าพรุควนเคร็ง ถูกลักลอบเผาไปแล้วกว่า 7,000 ไร่ และไม่มีท่าที่จะยุติลง เพราะทันทีที่ชุดปฎิบัติการดับไฟ เสร็จภารกิจ จะถูกลักลอบจุดไฟตามไล่หลัง ส่วนการดำเนินการเอาผิด ยังเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะไม่สามารถแยกแยะ ระหว่างชาวบ้านกับผู้กระทำผิด เพราะส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนในพื้นที่
ขณะที่วันนะ หิ้นมี ต้องหยุดงานตลอดทั้งสัปดาห์ มาเฝ้าระวังไฟป่า ที่กำลังลุกลามเข้าใกล้บ้านพักใน ต.บ้านตูล อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เพราะเกรงว่าทรัพย์สินจะได้รับความเสียหาย และบุคคลในบ้านจะได้รับอันตราย ชะตากรรมเช่นนี้ยังเกิดขึ้นกับชาวบ้านอีกหลายสิบครอบครัว ที่สร้างบ้านอยู่ภายในป่าพรุควนเคร็ง ครอบคลุมพื้นที่ 5 อำเภอของจังหวัด ที่ถูกกลุ่มทุนและชาวบ้านลักลอบเผาไม่ต่ำกว่าวันละ 10 จุด ในช่วงนี้
ทั้งนี้ ป่าพรุควนเคร็งที่เคยมีอยู่กว่า 300,000 ไร่ ปัจจุบันถูกบุกรุกทำลาย เหลือเพียง 120,000 ไร่ หลังในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาพบว่า ปาล์มน้ำมันได้กลายเป็นพืชเศรษฐกิจทางเลือก ท้องทุ่งที่เคยเต้มไปด้วยป่าเสม็ด หวงโซ่อาหาร ล่อเลี้ยงทั้งมนุษย์ และสัตว์ ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร หรือ สปก.ถูกลักลอบเผาให้กลายเป็นป่าเสื่อมโทรม ก่อนนำรถแบ็คโฮลงขุดเป็นแปลงปาล์มน้ำมัน แต่ปีนี้สถานการณ์ดูรุนแรงกว่าทุกปีที่ผ่านมา