ปปง.เปิดเส้นทางการเงินขบวนการค้ายาเสพติดในเรือนจำ ยอดเงินกว่า 350 ล้านบาท

ปปง.เปิดเครือข่ายเส้นทางการเงิน ขบวนการค้ายาเสพติดในเรือนจำกลาง จ.นครศรีธรรมราช พบบัญชีหลักระดับหัวหน้าขบวนการ 5 บัญชี และบัญชีย่อยกว่าอีก 300 บัญชี พบเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้อง

ข้อมูลจากบัญชีธนาคารหลัก 5 บัญชี คือ เส้นทางที่เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ใช้ขยายตรวจสอบเส้นทางการเงิน นักค้ายาเสพติดคนสำคัญในเรือนจำกลาง จ.นครศรีธรรมราช
 
จากการตรวจ 5 บัญชีหลัก ยังพบว่า มีบัญชีย่อยอีกกว่า 300 บัญชี รวมยอดเงินทั้งหมด 350 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการรับจ้างเปิดบัญชี และพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเป็นเจ้าของบัญชีด้วย ซึ่งตามกฎหมายการรับจ้างเปิดบัญชี จะถูกดำเนินคดีทางอาญา และกฎหมายฟอกเงิน โดยเลขาธิการ ปปง. เปิดเผยว่าหลังจากนี้ จะส่งข้อมูลให้พนักงานสอบสวนดำเนินการ หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องจะมีโทษจำคุกสูงถึง 3เท่า
 
สำหรับการตรวจสอบเส้นทางการเงินในครั้งนี้ ทำให้ทราบว่าผู้ค้าคนใดเป็นหัวหน้าขบวนการ และคนใดเป็นผู้ค้ารายย่อย ซึ่งถือว่าเป็นหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ที่ไม่สามารถปฎิเสธได้ และนอกจากเรือนจำกลาง จ.นครศรีธรรมราชเเล้ว ยังมีการตรวจสอบอีก 5 เรือนจำ คือ เรือนจำกลาง จ.ระยอง เรือนจำกลางเขาบิน เรือนจำกลางบางขวาง เรือนจำคลองกลางเปรม เเละเรือนจำกลางคลองไผ่  นอกจากนี้ยังมีเรือนจำกลาง จ.ชลบุรี ที่ตรวจสอบใกล้เเล้วเสร็จและพบเป็นเครือข่ายใหญ่เช่นกัน

พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการสำนักงาน ปปง. ยังเปิดเผยเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ ปปง. ยังได้ดำเนินการตรวจสอบคดีที่ตำรวจ สถานีตำรวจนครบาลหลักสอง จับผู้ต้องหาคดีครอบครองอาวุธปืนใน ขณะเบิกเงินสดจากธนาคารจำนวน 5,000,000 บาท และพบอีก 7,000,000 บาทในบ้านพัก ซึ่งผู้ต้องหาคือนายวิชัน งามเเดง ยอมรับว่าเป็นเงินที่ได้จากการทำธุรกรรมจากการค้ายาเสพติดแทนน้องชายที่อยู่ในเรือนจำ
 
ล่าสุด ปปง มีมติ อายัดทรัพย์สินรวม 34 รายการ มูลค่า 30,000,000 บาท ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน เนื่องจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินเข้าข่าย การกระทำความผิด ส่วนการตรวจสอบคดีแก๊งคอลเซนเตอร์ที่โทรศัพท์อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ ปปง.หลอกข้าราชการครู โอนเงินจำนวน 29 ล้านบาท ปปง. สามารถอายัดเงินได้จำนวน 1 ล้านบาท และตรวจสอบพบว่า เป็นเงินของผู้เสียหายจำนวนกว่า 800,000 บาท จึงได้เตรียมส่งมอบเงินคืนให้ผู้เสียหายแล้ว