ตรวจสอบนายทุน 3 กลุ่ม บุกรุกพื้นที่ป่าพรุควนเคร็งกว่า 10,000 ไร่ 
ต้นเสม็ดขาวในพื้นที่ป่าพรุควนเคร็ง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ที่ยืนต้นตายหลังเกิดไฟไหม้ สร้างความกังวลให้กับ นายสมเอก อินทร์ช่วย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเคร็ง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราชเป็นอย่างมาก เพราะป่าพรุเป็นแหล่งทำมาหากินของผู้คนในชุมชนและที่สำคัญสภาพป่าที่เสื่อมโทรม เปิดโอกาสให้นายทุนบุกรุกเข้าครอบครองพื้นเช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นเหมือนเมื่อคราวไฟไหม้ป่าพรุครั้งใหญ่เมื่อ 3 ปีที่แล้ว
ขณะที่นายสาธิต มากช่วย ผู้ช่วยเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อยเจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อยนำทีมข่าวไทยพีบีเอส เข้าตรวจสอบสวนปาล์ม พื้นที่กว่า 500 ไร่ใน ต.ควนชลิก อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นของนายทุนและนักการเมืองจาก จ.สงขลาและ จ.พัทลุง ที่อยู่ระหว่างดำเนินการเพิกถอนการครอบครองเอกสารสิทธิ์ หลังตรวจสอบพบว่าเอกสารสิทธิ์ นส.3 ก. ได้มาโดยมิชอบ ส่วนการตรวจสอบในวันนี้พบว่านายทุนได้มีการบุกรุกพื้นที่หลังเกิดไฟไหม้ป่าพรุเพิ่มเติมอีกเกือบ 100 ไร่
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อยอยู่ระหว่างตรวจสอบพื้นที่ป่าพรุควนเคร็งซึ่งถูกบุกรุกออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบในขณะนี้กว่า 600 แปลง พื้นที่กว่า 10,000 ไร่ ซึ่งในเบื้องต้นสามารถเพิกถอนพื้นที่ซึ่งถูกบุกรุกโดยมิชอบแล้วกว่า 1,200 ไร่ และอยู่ระหว่างเพิกถอนกว่า 500 ไร่ ส่วนกลุ่มทุนขนาดใหญ่ที่เข้าบุกรุกป่าพรุมีด้วยกัน 3 กลุ่ม โดยมีนักการเมืองการระดับท้องถิ่นและระดับชาติใน จ.นครศรีธรรมราช จ.สงขลาและ จ.พัทลุงอยู่เบื้องหลัง
รวมถึงกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เตรียมจัดส่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนเป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็วจำนวน 100 นาย เพื่อให้ตรวจสอบการบุกรุกป่าพรุเป็นไปด้วยความรวดเร็วขึ้น แต่ในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อยก็ยอมรับว่า ปัญหาที่สำคัญประการหนึ่ง คือแม้จะมีการตรวจสอบการบุกรุกอย่างรวดเร็ว แต่กระบวนการเพิกถอนการครอบครองเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกรมที่ดินเป็นไปอย่างล่าช้า ทำให้ชาวบ้านและนายทุนซึ่งบุกรุกพื้นที่ป่าพรุไม่เกิดความเกรงกลัว