นักวิชาการชี้คำตัดสินศาลอาญาเพิ่มอำนาจการต่อรองให้กลุ่ม นปช.
นายคณิน บุญสุวรรณ อดีต ส.ส.ร.ปี 2540 เชื่อว่าผลทางการเมืองที่จะเกิดกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. คือการเปิดทางให้เข้าสู่ตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ผลของคำสั่งเพิกถอนนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก คือการผลักดันการตรวจสอบเข้าสู่ระบบสภาผู้แทนราษฎร และคำสั่งห้ามปราศรัย และห้ามออกนอกประเทศ ไม่เพียงจะกลายเป็นบทเรียนของกลุ่ม นปช.ต่อกรณีการปราศรัยทางการเมือง แต่ยังหมายถึงกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองอื่น ๆ ก็ต้องควบคุมการแสดงความเห็น หรือวิพากษ์วิจารณ์เช่นกัน
ขณะที่ รศ.พรชัย เทพปัญญา นักวิชาการ ด้านรัฐศาสตร์ เห็นว่าผลของการตัดสินของศาลอาญาสะท้อนให้เชื่อได้ว่าศาลตัดสินภายใต้แรงกดดันจากมวลชน ส่วนผลทางการเมือง โดยเฉพาะกรณีของนายจตุพร พรหมพันธุ์ จะทำให้มีอำนาจการต่อรองทางการเมืองมากขึ้นทั้งกับพรรคเพื่อไทย และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เนื่องจากสถานการณ์บ้านเมืองยึดโยงกับการเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปช. ส่วนพรรคเพื่อไทยก็มี นปช.เป็นฐานเสียง และเป็นกระแสหลักทางการเมือง
ผศ.ทวี สุรฤทธิกุล นักวิชาการ ด้านรัฐศาสตร์ เชื่อว่าคำตัดสินของศาลต่อกรณีนายยศวริศ จะทำให้กลุ่ม นปช. ระมัดระวังการปราศรัยทางการเมืองมากขึ้น และแม้กลุ่ม นปช.จะประกาศเคลื่อนไหวต่อไป แต่จะลดระดับความรุนแรง และประสิทธิภาพลง ทั้งนี้ ยังเห็นว่าการเลื่อนการตัดสินคำร้องขอถอนประกันแกนนำ นปช.ออกไปช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนมีทั้งผลบวก และลบทั้งต่อกลุ่ม นปช. พรรคเพื่อไทย และรัฐบาล ซึ่งการเมืองภายในอาจเกี่ยวข้องกับการต่อรองตำแหน่งทางการเมือง แต่การเมืองภายนอก อาจลดเป้าหมายการนำ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับไทย