ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา องค์กรต่อต้านการใช้สารกระตุ้นสหรัฐฯ หรือยูเอสเอดีเอ ตั้งข้อหากับอาร์มสตรอง อดีตแชมป์ตูร์ เดอ ฟรองซ์ 7 สมัยว่าเคยใช้สารต้องห้ามระหว่างลงเเข่งจักรยานตั้งเเต่ปี 1999 ขณะที่ศาลสหรัฐฯ ยังได้ปฏิเสธคำร้องของ แลนซ์ อาร์มสตรอง ที่ยื่นฟ้ององค์กรต่อต้านการใช้สารต้องห้ามสหรัฐฯ เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
ล่าสุด อาร์มสตรอง วัย 40 ปี เเสดงความคิดเห็นผ่านเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของตัวเองว่า จะไม่ขอตอบโต้ข้อกล่าวหาจากยูเอสเอดีเอที่ระบุว่าตนเองเเอบใช้สารต้องห้ามลงเเข่งจักรยานตั้งเเต่ปี 1999 เนื่องจากอาร์มสตรองต้องการยุติเรื่องเลวร้ายที่ตัวเองถูกกล่าวหาว่าเป็นคนโกง ด้วยการทำใจยอมรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เเม้ว่าจะเป็นสิ่งที่ขัดเเย้งกับความจริงในใจของตนเองก็ตาม
ก่อนหน้านี้ อาร์มสตรองเคยถูกเพื่อนร่วมทีมออกมาเปิดเผยว่า มีส่วนรู้เห็นในการสนับสนุนให้นักกีฬาในทีมใช้สารต้องห้ามระหว่างลงเเข่งขันจักรยานทางไกลตูร์ เดอ ฟรองซ์
จากสถานการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้ ยูเอสดีเอ ตัดสินลงโทษเเบนอาร์มสตรอง ห้ามลงเเข่งจักรยานตลอดชีวิต เเละสั่งริบแชมป์ตั้งเเต่ปี 1998 ของอาร์มสตรอง โดยเฉพาะเเชมป์ตูร์ เดอ ฟรองซ์ 7 สมัย ที่อาร์มสตรองเคยทำไว้ในปี 1999-2005
อาร์มสตรองเป็นบุคคลที่สร้างกระเเสการต่อสู้กับโรคมะเร็งเช่นเดียวกับตัวเขาจนประสบความสำเร็จ ด้วยการเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีใจรักในสุขภาพบริจาคเงินซื้อสายรัดข้อมือสีเหลือง ที่มีข้อความไลฟ์สตรอง จนสามารถหารายได้เข้ามูลนิธิเเลนซ์ อาร์มสตรอง มากกว่า 325 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 9,800 ล้านบาท
นอกจากอาร์มสตรองเเล้ว อัลแบร์โต คอนทาดอร์ นักปั่นสเปน อดีตเเชมป์ตูร์ เดอ ฟรองซ์ 3 สมัย เคยถูกตัดสินริบเเชมป์จากศาลกีฬาโลกในข้อหาเเอบใช้สารต้องห้าม จนถูกลงโทษเเบน 2 ปี พร้อมกับริบเเชมป์ตูร์ เดอ ฟรองซ์ 1 สมัย