หลายจังหวัดภาคเหนือเริ่มประสบปัญหาน้ำท่วม หลังฝนตกต่อเนื่องหลายวัน
พื้นที่ภาคเหนือหลายจังหวัดประสบปัญหาอุทกภัยอย่างต่อเนื่องแล้วโดยที่จังหวัดตากแม่น้ำวังล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนที่บ้านยางโองน้ำ ตำบลแม่สลิด อำเภอบ้านตาก จ.ตาก กว่า 300 หลังคาเรือน บางจุดท่วมสูง 1 เมตรทำให้การสัญจรถูกตัดขาด โดยเฉพาะถนนสายยางโองน้ำ-บ้านแม่บอน ถูกน้ำกัดเซาะเสียหายกว่า 100 เมตร
ขณะที่จังหวัดลำปางปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นในลำห้วยแม่พริกขณะนี้เริ่มไหลต่อเนื่องไปยังแม่น้ำวัง แม้จะมีปริมาณน้ำสะสมในแม่น้ำสายรองหลายสายแต่เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบที่รุนแรงนัก แต่บางพื้นที่ชาวบ้านยังกังวลถึงปัญหาระบบสาธารณูปโภคที่ได้รับความเสียหายเนื่องจากระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น
ส่วนรางรถไฟระหว่างสถานีขุนตาลกับสถานีทาชมภูบ้านขุนตาล หมู่ 8 ตำบลทาปลาดุก อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน ที่ถูกน้ำป่ากัดเซาะเสียหายลึกกว่า 50 เมตรเมื่อวันสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่การรถไฟแห่งประเทศไทยซ่อมแซมเสร็จแล้ว โดยสามารถเปิดเดินรถไฟสายเหนือขบวนแรกได้แล้วตั้งแต่ช่วงเย็นเมื่อวานนี้ ( 11 ก.ย.)
สำหรับในพื้นที่ภาคเหนือระดับน้ำในแม่น้ำยมเพิ่มปริมาณสูงขึ้น หลายจุด โดยเฉพาะเส้นทางน้ำต่อเนื่องลงมายังพื้นที่ภาคกลางตอนบน โดยขณะนี้ นอกจากจังหวัดสุโขทัย จังหวัดนครสวรรค์ มีระดับน้ำสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประมาณ 10-40 เซนติเมตร ส่วนพื้นที่จังหวัดพิษณุโลกที่จะรับน้ำต่อเนื่องจากจังหวัดสุโขทัยขณะนี้ชาวบ้านวังแร่ ตำบลชุมแสงสงคราม ต้องเร่งขนย้ายสัตว์เลี้ยง และของมีค่าขึ้นที่สูง หลังน้ำแม่น้ำยมที่บริเวณฝายยางบ้านบางบ้า มีระดับน้ำสูงเกินจุดวิกฤตแล้วทำให้มีน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่เกษตรลุ่มต่ำเป็นบริเวณกว้างเรื่อยลงมาที่พื้นที่ภาคกลาง
ขณะนี้จังหวัดสิงห์บุรี และ อ่างทอง ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องส่งผลให้พื้นที่หมู่ที่ 6 ตำบลโผงเผง อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มถูกน้ำท่วมแล้วเกือบ 50 หลังคาเรือน โดยเฉพาะบ้านที่ปลูกอยู่ติดคลองโผงเผง ระดับน้ำท่วมสูงเกือบ 1 เมตร และ ยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ส่วนที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเมื่อคืนที่ผ่านมา ( 11 ก.ย.) เกิดฝนตกลงมาอย่างหนักกว่า 3 ชั่วโมงทำให้น้ำล้นเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในเขตเทศบาลพระนครศรีอยุธยากว่า 70 หลังคาเรือนบางจุดมีน้ำสูงกว่า 1 เมตร
เบื้องต้นเทศบาลเมืองพระนครศรีอยุธยาชี้แจงว่า ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักทำให้ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับเครื่องสูบน้ำของเทศบาลไม่ทำงานเพราะไฟฟ้าดับซึ่งได้ทำการแก้ไขแล้ว และ สูบน้ำออกจากเขตเมืองได้แล้ว โดยหน่วยกู้ภัยพร้อมอาสาสมัครต้องเร่งเข้าช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วน ซึ่งแม้สถานการณ์ในขณะนี้จะคลี่คลายแล้ว แต่พบว่า น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเริ่มสูงขึ้นเบื้องต้นน้ำขณะนี้สูงขึ้นอีก 30 เซนติเมตร