ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี 66.4% ระบุ มีแผนรับมือน้ำท่วม 75.4% ไม่เชื่อมั่นฝีมือจัดการน้ำของรัฐบาล 6 เดือนมั่นใจวูบ 23.3%
ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ทำการสำรวจการเตรียมความพร้อมรับมือกับน้ำท่วมของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในกรุงเทพมหานครฯ นนทบุรี ปทุมธานี และพระนครศรีอยุธยา
วันที่ 13 ถึง 17 กันยายน 2555 โดยมีกลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจำนวน 418 ราย ที่อยู่ในพื้นที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากน้ำท่วมในปี 2554 ซึ่งในจำนวนนี้ 352 รายเป็นกลุ่มตัวอย่างที่เคยทำการสำรวจในประเด็นเดียวกันมาแล้วในเดือนกุมภาพันธ์ 2555 ที่ผ่านมา (คิดเป็น 84.2% ของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมดที่ทำการสำรวจในครั้งนี้)
เมื่อสอบถามถึงการคาดการณ์เกี่ยวกับความรุนแรงของน้ำท่วมในปี 2555 ในพื้นที่ที่กลุ่มตัวอย่างประกอบกิจการอยู่เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 12.2% คาดว่า รุนแรงกว่าปีที่ผ่านมา 18.4% ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา 33.5% น้อยกว่าปีที่ผ่านมา 31.6% ไม่ท่วม และอีก 4.3% ไม่แน่ใจ
ด้านความเชื่อมั่นเกี่ยวกับความสามารถในการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาล 4.2% ระบุว่า เชื่อมั่นมาก 20.4% ค่อนข้างเชื่อมั่น 55.6% ไม่ค่อยเชื่อมั่น และอีก 19.8% ไม่เชื่อมั่นเลย ซึ่งหากรวมกลุ่มที่ไม่ค่อยเชื่อมั่นและไม่เชื่อมั่นเลยเข้าด้วยกัน จะคิดเป็น 75.4% ของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด เพิ่มขึ้น 23.3% เมื่อเทียบกับผลการสำรวจในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาซึ่งพบว่า กลุ่มตัวอย่างที่ไม่เชื่อมั่นใน 4 จังหวัดนี้มีอยู่ 52.1%
ในประเด็นการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับน้ำท่วม กลุ่มตัวอย่าง 66.4% มีแผนรับมือกับน้ำท่วมไว้แล้ว 33.6% ยังไม่มีแผน กลุ่มที่มีแผนรับมือ สามารถดำเนินการตามแผนดังกล่าวไปแล้วโดยเฉลี่ยประมาณ 87.3%
เมื่อสอบถามถึงวิธีการเตรียมการรับมือกับน้ำท่วมที่ใช้ (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ) แบ่งตามหลักแผนประคองกิจการ (Business Continuity Plan) พบว่า 53.3% มีการบันทึกข้อมูลสำรองของบริษัทและลูกค้า 50.0% สำรองเงินสดไว้ใช้ 35.0% ย้ายสายไฟ อุปกรณ์ไฟฟ้า และเครื่องมือเครื่องจักรไปไว้ที่สูง 31.7% หาแหล่งเงินกู้ไว้ใช้ยามฉุกเฉิน 30.0% ถมที่/สร้างพนังกั้นน้ำ 28.3% เตรียมสำรองวัตถุดิบไว้ใช้ในการผลิต 26.7% วางแผนการขนส่งสินค้าและวัตถุดิบ 25.0% วางแผนการอพยพพนักงานในกรณีน้ำท่วมฉุกเฉิน 21.7% หาสถานที่ผลิตชั่วคราวในพื้นที่อื่น 18.3% หาผู้ขายวัตถุดิบ (ซัพพลายเออร์) ในพื้นที่อื่น
นายเกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว ผู้อำนวยการศูนย์วิจัย มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กล่าวว่า ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีการเรียนรู้จากมหาอุทกภัยในปีที่ผ่านมา จึงเตรียมการล่วงหน้าระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการรับมือกับปัญหาของเอสเอ็มอีมีจำกัด รัฐบาลจึงต้องมีการวางแผนและการบริหารจัดการปัญหานี้ให้ดี เพื่อบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
นอกจากนี้ รัฐบาลต้องตระหนักว่า ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจด้านการบริหารจัดการปัญหาน้ำท่วมรัฐบาล เป็นดัชนีชี้วัดความมั่นคงทางการเมืองที่สำคัญตัวหนึ่ง ความเชื่อมั่นที่ลดลงถึง 23.3% ในเวลาเพียง 6 เดือน จึงเป็นสัญญาณเตือนที่รัฐบาลไม่ควรมองข้าม เพราะภาพความไม่มีประสิทธิภาพและความไม่โปร่งใสในการทำงานของรัฐบาลซึ่งยังติดตัวมาจนถึงทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากการทำงานในช่วงเกิดมหาอุทกภัยในปีก่อน รัฐบาลต้องเข้าใจว่า นักธุรกิจไม่ได้ประเมินคำว่า “เอาอยู่” จากการป้องกันไม่ให้น้ำท่วมรุนแรงเหมือนปี 2554 แต่จะประเมินจากความสามารถในการบริหารจัดการปัญหาน้ำท่วมว่าคุ้มค่ากับงบประมาณ 3.5 แสนล้านบาทที่ลงไปหรือไม่