นายกฯสั่งเร่งแก้ปัญหาน้ำท่วมขัง 4 จุดใน กทม.และปริมณฑล
ศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วม กรุงเทพมหานคร รายงานสถานการณ์ในวันที่ 20 กันยายน ตั้งแต่ 1.00 น. เป็นต้นมา ระบุว่าพบฝนอ่อนถึงปานกลางตามแนวริมแม่น้ำฝั่งธนบุรีทั้ง 2 ฝั่ง และพบฝนปานกลางปกคลุมพื้นที่ฝั่งธนบุรีเกือบทั้งหมด ขณะที่ฝั่งพระนครพบฝนต่อเนื่องในเขตพญาไท ดินแดง ราชเทวี พระนคร ป้อมปราบศัตรูพ่าย สัมพันธวงศ์ และสาทร ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่ต่ำกว่าระดับคันกั้นน้ำเกือบ 2 เมตร ยังไม่พบรายงานน้ำท่วมขังตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา
นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า จากที่มีฝนตกอย่างต่อเนื่องในพื้นที่กรุงเทพฯช่วง 3-4 วัน ที่ผ่านมา มีปริมาณฝนที่ตกลงมากเกิน 100 มิลลิเมตรในทุกวัน ซึ่งในเดือนกันยายนนี้ คาดว่าจะมีปริมาณฝนรวม 800 มิลลิเมตร ส่วนปริมาณฝนเฉลี่ยอยู่ที่เดือนละ 125 มิลลิเมตร หรือปีละ 1,500 มิลลิเมตรเท่านั้น
ส่วนที่มีการตั้งข้อสงสัยว่าอุโมงค์ยักษ์ของกทม.ทำงานหรือไม่นั้น นายธีระชน ยืนยันว่าทำงานอยู่ตลอดเวลา สำหรับระบบระบายน้ำใน กทม.เป็นระบบที่รับปริมาณน้ำฝนไม่เกิน 60 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นระบบเดิมที่ใช้กันมานานแล้ว ซึ่งหากต้องการให้น้ำลงเร็วกว่านี้ คงต้องรื้อระบบท่อในพื้นที่ กทม.ใหม่ ซึ่งทำได้แต่ต้องใช้งบประมาณสูง
ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า พบปัญหาน้ำท่วมขัง 4 จุดในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขโดยด่วน ประกอบด้วย
1.บริเวณถนนพหลโยธิน กิโลเมตรที่ 45 ก่อนถึงบริเวณนิคมอุตสาหกรรมนวนคร มีน้ำท่วมขังสูงประมาณ 54 เซนติเมตร ระยะทางยาวประมาณ 700-800 เมตร ซึ่งเป็นลักษณะของทางคู่ขนานที่ไม่สามารถระบายน้ำออกได้ เนื่องจากประชาชนมทำคันดินกั้นน้ำตั้งแต่ปีที่แล้ว
2.บริเวณอนุสรณ์สถานแห่งชาติ อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ซึ่งขณะนี้ได้ติดตั้งปั๊มสูบน้ำจำนวน 3 ตัว เพื่อเร่งสูบน้ำลงบริเวณรังสิตคลอง 1 แล้ว 3.บริเวณทางลงทางด่วนแยกดินแดง และ 4.บริเวณสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ ถนนติวานนท์
ขณะที่การแก้ไขปัญหาจราจรในช่วงฝนตกหนักสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะพื้นที่น้ำท่วมขัง ซึ่งจะมีตำรวจในพื้นที่เข้าไปช่วยเหลือ โดยเฉพาะที่มีรถติดอย่างหนัก ช่วงเวลาบ่าย และเย็น