เปิดยุทธศาสตร์ขบวนการ
เศษชิ้นส่วนระเบิดที่กระจกรถของชาวบ้าน หลังคนร้ายก่อเหตุลอบวางระเบิดเสาไฟฟ้า โดยมุ่งหวังทำร้ายเจ้าหน้าที่ที่ออกลาดตะเวนบนถนนสายหลัก จ.ปัตตานี จ.นราธิวาส เป็นความรุนแรงที่เกิดขึ้นต่อเนื่องจนทำให้ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่มั่นใจในการดูแลของเจ้าหน้าที่ เช่นเดียวกับปรากฎการณ์หยุดงานวันศุกร์พร้อมกันของร้านค้าต่างๆเมื่อวานนี้ ที่สะท้อนถึงความไม่เชื่อมั่น
ตลาดปาลัส อ.ปานาเระ จ.ปัตตานี กลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังเมื่อวานนี้ (28ก.ย.)ตลาดต้องปิดไปโดยปริยาย เพราะความหวาดกลัวของทั้งคนขายและคนซื้อ แม่ค้าหลายคนที่ขายของสด อย่างผักสด ปลาสด หรือ ไก่สด ต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า ต้องยอมขายต่ำกว่าทุน เพราะข้าวของที่ซื้อมาตุนไว้ความสดเริ่มลดลง ไม่แตกต่างจากลูกค้าที่จะต้องหันมาซื้ออาหารกักตุนไว้ แทนการออกมาจับจ่ายซื้อของทุกวัน
หน่วยงานด้านความมั่นคง พบว่า การกดดันให้ชาวบ้านต้องหยุดงานวันในศุกร์ เป็น 1 ใน ยุทธศาสตร์ป้องกันมวลชนของแนวร่วมบีอาร์เอ็นคอร์ออดิเน็ต ซึ่งเป็นกลุ่มหลักที่เคลื่อนไหวก่อเหตุในพื้นที่ ซึ่งมี 5 ยุทธศาสตร์หลักในการต่อสู้ คือ ยุทธศาสตร์ประชากร ที่จะสร้างประชาชนให้เลือกข้าง มองข้ามความถูกต้อง โดยไม่คัดค้านการกระทำของแนวร่วม ยุทธศาสตร์สังคม คือ ผลักดันให้เรียนสายศาสนาให้มาก แต่ให้เรียนสายสามัญน้อย
ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ คือ เก็บเงินสมาชิกวันละ 1 บาทเพื่อสนับสนุนความเคลื่อนไหวขององค์กร ยุทธศาสตร์ด้านข่าวสาร ที่จะให้สมาชิกหาข่าวความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่รัฐทุกระดับ และยุทธศาสตร์ป้องกันมวลชน และแย่งชิงมวลชน ทำให้ประชาชนหวาดระแวงรัฐ ให้ต่อสู้กับรัฐ และแสดงศักยภาพเพื่อชี้จุดอ่อนว่ารัฐไทยไม่สามารถคุ้มครองประชาชน ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ต้องต้องปรับแผนรับมือในสงครามจิตวิทยาครั้งนี้
นายธีระ มินทราศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า การสร้างความเชื่อมั่นอาจไม่สามารถทำได้ในระยะเวลาอันสั้น แต่เจ้าหน้าที่ต้องเร่งสร้างความเข้าใจเพื่อป้องกันปัญหาบานปลาย