เปิด พ.ร.บ.ล้างมลทิน
พร้อมย้ำที่จะยังไม่มีการปรับ คณะรัฐมนตรีและการประชุม ครม. วันอังคารหน้า จะพิจารณามอบหมายรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ที่จะมารักษาการณ์แทนในตำแหน่งของนายยงยุทธ
หลังจากแถลงลาออก นายยงยุทธ ปฏิเสธถึงสาเหตุถูกกดดันจากคนในพรรค กลุ่ม นปช. หรือแม้แต่จะเป็นคนไกลนอกประเทศ แต่หากพิจารณาจากปัจจัยหลักการลาออกกลับมาจากความไม่ชัดเจนในสถานะทางคดีของตัวเอง ที่พบว่า เงื่อนไขของ พ.ร.บ.ล้างมลทิน ปี 2550 ไม่สามารถนำมาอ้างอิงในคดีได้
เมื่อพิจารณาสาระสำคัญของ พ.ร.บ.ล้างมลทิน ในมาตรา 5 ระบุว่า "ให้ล้างมลทินแก่ผู้ถูกลงโทษทางวินัยก่อนหรือในวันที่ 5 ธันวาคม 2550 และได้รับโทษทั้งหมดหรือบางส่วน ก่อนพ.ร.บ.นี้ใช้บังคับ โดยให้ถือว่าผู้นั้นมิได้เคยถูกลงโทษหรือลงทัณฑ์ทางวินัยในกรณีนั้นๆ"
เช่นเดียวกับอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พรรคประชาธิปัตย์ ที่ย้ำว่า เจตนารมณ์ของกฎหมาย คือผู้นั้นต้องได้รับโทษแล้ว จึงจะสามารถเข้าสู่การล้างมลทินได้
การลาออกจากตำแหน่งทางการเมืองของนายยงยุทธ เป็นการยุติปัญหาการตีความสถานะทางคดีของตัวเอง แต่จะเป็นจุดเริ่มต้นของการยื่นตีความสถานะ ส.ส. ของนายยงยุทธ โดยขณะนี้มีผู้ร้อง 3 ราย ทั้งกลุ่มการเมืองสีเขียว กลุ่มภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นของชาติ และกลุ่มเสื้อแดงสุรินทร์ ขณะที่ กกต.รับเรื่องไว้แล้ว และจะพิจารณาลงความเห็นเพื่อส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่โดยเร็วที่สุด