ที่สนามกีฬากองทัพบกเป็นการพบกันของทีมจากสปอนเซอร์ไทยพรีเมียร์ลีก เอสซีจี เมืองทอง จ่าฝูง พบกับ อาร์มี่อันดับ 8 การเช็คล้ำหน้าพลาดของคู่เซ็นเตอร์ทีมเยือนทำให้ นิพนธ์ คำทอง หลุดเข้าไปดวลกับ กวิน และ ยิงให้อาร์มี่ขึ้นนำ 1-0 นาที 33 แต่เอสซีจี เมืองทอง มาด้ประตูตีเสมอ1-1 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก จากลูกโหม่งของ ธีรศิลป์ แดงดา
ครึ่งหลังการประสานงานในเกมรุกของ เอสซีจี เมืองทอง ทำให้ทีมได้ประตูขึ้นนำ มาริโอ ตัดบอลกลางสนามมาให้ ธีรศิลป์ โหม่งมาให้ เปาโล แรนเจิล ยิงให้ทีมขึ้นนำ 2-1 นาที 62 และ เอสซีจีเมืองทองน่าจะได้ประตูที่ 3 หลายจังหวะแต่ปิดสกอร์ไม่ได้ และ โดนตีเสมอ 2-2 จาก บิยอร์น ลินเดมัน
และเป็น บิยอร์น ลินเดมัน ที่เล่นได้อย่างโดดเด่นในเกมนี้ ครอสบอลจากริมเส้นฝั่งซ้ายมาให้ ธาตรี สีหา ยิงประตูชัยให้อาร์มี่ เฉือนชนะ เอสซีจีเมืองทอง 3-2 เอสซีจีเมืองทองจ่าฝูงหมดหวังการเป็นดับเบิ้ลแชมป์ตกรอบบอลถ้วยอีก 1 รายการรับเงินรางวัลไป 100,000 บาท หลังจากที่ก่อนหน้านี้ตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายโตโยต้าลีกคัพจากการแพ้ ทีโอที เอสซี ส่วน อาร์มี่ ได้เข้ารอบรองชนะเลิศต่อไป
ส่วนอีกคู่เป็นคู่บิ๊กแมตช์ของรอบ 8 ทีมสุดท้ายมูลนิธิไทยคมเอฟเอคัพ บุรีรัมย์ เปิดบ้านพบกับ บีอีซี ที่เพิ่งเจอกันมาในลีก โดยบีอีซีบุกมาชนะ 1-0 คู่นี้เป็นการชิงจังหวะกันและเจ้าถิ่นมาได้ประตูขึ้นนำก่อน จากเอ็ควาล่า เฮอร์แมน เมื่อได้เปรียบสกอร์บุรีรัมย์เล่นสบายยังกดดัน บีอีซี อย่างต่อเนื่อง โกรัน เจอโควิช ยิงจ่อ ๆ ให้บุรีรัมย์หนีห่างเป็น 2-0
เจ้าถิ่นยังครองเกมได้มากกว่า จนมาได้ประตูย้ำชัยชนะ 3-0 จากอดิศักดิ์ ไกรษร จบเกมบุรีรัมย์เปิดบ้านถล่ม บีอีซีเทโรศาสน 3-0 ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศไปพบกับ บางกอกกล๊าส ที่บุกไปชนะ อยุธยาเอฟซี 2-1 และ อีกคู่ในรอบรอง อาร์มี่ จะพบกับ เชียงราย ที่ชนะ สุพรรณบุรี ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 3-1 ซึ่งรอบรองชนะเลิศจะแข่งในวันที่ 24 ต.ค.ที่สนามเป็นกลางในกรุงเทพมหานคร