โพลทุกสำนัก-นักวิเคราะห์ สหรัฐฯ เทคะแนนให้
สถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นของสหรัฐฯ ได้สำรวจความเห็นของชาวอเมริกันที่ชมการถ่ายทอดสด ปรากฏว่าร้อยละ 69 ของผู้ตอบแบบสอบถามเทคะแนนให้นายรอมนี่ย์เป็นผู้ชนะในการประชันวิสัยทัศน์รอบแรก
แต่เมื่อถามว่า การอภิปรายครั้งนี้ ทำให้ชาวอเมริกันตัดสินใจลงคะแนนให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือไม่ ผู้ตอบแบบสอบถามเกือบครึ่งหนึ่งตอบว่าไม่มีผล ขณะที่ร้อยละ 35 บอกว่าจะลงคะแนนให้รอมนี่ย์ และอีกร้อยละ 18 จะลงคะแนนให้โอบาม่า กลับมารับตำแหน่งสมัยที่สอง
ผู้ตอบแบบสอบถาม 6 ใน 10 บอกว่า การอภิปรายของโอบาม่า ทำได้ต่ำกว่าที่ประชาชนคาดหวังไว้ ร้อยละ 82 บอกว่า รอมนี่ย์ทำได้ดีกว่าที่คาดไว้ ซึ่งการสำรวจความคิดเห็นของสำนักข่าวหลาย ๆ แห่ง รวมถึงการแสดงความเห็นของคอลัมนิสต์ส่วนใหญ่ เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
โดยมองว่าการโต้วาทีของรอมนี่ย์ครั้งนี้ เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและดูดุดัน เป็นบุคลิกที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในตัวของนายรอมนี่ย์ ถึงขนาดที่คอลัมนิสต์จากนิตยสาร "วีคลี่ย์ สแตนดาร์ด" ที่เป็นหัวอนุรักษ์บอกว่านายรอมนี่ย์เป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันที่โต้วาทีได้ดีที่สุดในรอบกว่า 20 ปี ขณะที่โอบาม่ากลับมีท่าทางประหม่าและดูลังเลอย่างเห็นได้ชัด ประเด็นหลักๆของการประชันวิสัยทัศน์รอบแรกเน้นประเด็นเรื่องเศรษฐกิจ นโยบายด้านภาษี และการปฏิรูประบบประกันสุขภาพ
นายรอมนี่ย์โจมตีนโยบายด้านเศรษฐกิจของโอบาม่าว่า ยังคงยึดนโยบายแบบเดิม เหมือนตอนที่หาเสียงเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีก่อน ที่จะสร้างรัฐบาลให้ใหญ่ขึ้น ใช้จ่ายมากขึ้น เก็บภาษี และออกกฎระเบียบมากขึ้น
แต่ที่ผ่านมาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า แนวคิดของโอบาม่าไม่ประสบความสำเร็จ หากชาวอเมริกันเลือกโอบาม่าให้รับตำแหน่งต่อเป็นสมัยที่ 2 ชนชั้นกลางจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยดูได้จากผลงานการบริหารประเทศในช่วง 43 เดือนที่ผ่านมา ทำให้อัตราการว่างงานพุ่งสูงถึงร้อยละ 8.1
ส่วนโอบาม่าบอกว่า นายรอมนี่ย์ไม่เคยบอกชัดเจนถึงแผนการสร้างงาน หรือแผนการที่จะทำให้ประเทศหลุดพ้นจากความผิดพลาดที่ประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันทำไว้ในอดีตได้อย่างไร
ขณะที่เขาจะเพิ่มการจัดเก็บภาษีคนรวยเพื่อลดการขาดดุล ซึ่งตรงข้ามกับนโยบายของรอมนี่ย์ หากชาวอเมริกันเลือกนายรอมนี่ย์ ชนชั้นกลางในสหรัฐจะเป็นกลุ่มที่ได้รับความเดือดร้อนมากที่สุด การประชันวิสัยทัศน์อีกสองรอบที่ผู้สมัครทั้งสองคนยังมีเวลาแก้ตัว ก่อนถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 6 พฤศจิกายนนี้