ท่องโลกดีไซน์ : แฟชั่นชุดแต่งงานสะท้อนความเปลี่ยนแปลงของสังคม
เกาะอกสีขาว ที่มีชายกระโปรงยาวทรงเมอร์เมด คล้ายหางนางเงือก ตัดเย็บด้วยมือทั้งชุด ลงรายละเอียดของใบไม้เล็กๆ นับหมื่นใบ ยิ่งดูสง่า เมื่อได้อดีตมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ที่สูงกว่า 170 ซม. อย่างปุ๊กลุ๊ก ฝนทิพย์มาเป็นนางแบบ และอีกหลายชุดที่บ่งบอกว่าเจ้าสาวยุคใหม่ ใส่ความเป็นตัวเองลงไปในชุดด้วย ทั้งกางเกงรัดรูปที่มาแทนกระโปรงยาว หรือ ชุดแต่งงานกระโปรงสั้นที่นิยมมากในกลุ่มสาวเกาหลี เช่นกระแสยุนอา นักร้องดังวงเกิร์ล เจนเนอเรชั่น ก็สวมใส่ชุดแต่งงานกระโปรงสั้นในผลงานเพลง
อยุทธการ จันทโชติ และ สุธา อภิราษฎร์ศักดิ์ ดีไซเนอร์ ระบุว่า ชุดแต่งงานที่เปลี่ยนไป บอกถึงสภานภาพของผู้หญิงที่เปลี่ยนไปในสังคมนั้นๆได้
เมื่อกล่าวถึงชุดแต่งงาน ผู้หญิงหลายคนคงวาดฝันว่าอยากใส่ชุดเหมือนเจ้าหญิงในนวนิยาย เช่นชุดที่เลดี้ไดอาน่า ทรงใส่ในพิธีอภิเษกสมรสกับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ เมื่อปี 2524 ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่ชายกระโปรงยาวถึง 7 เมตร แต่ชุดแต่งงานในปัจจุบันก็มีการปรับเปลี่ยนไปจากเดิมมาก ไม่ว่าจะเป็นกระโปรงที่มีความยาวสั้นลง หรือว่าสีของชุดแต่งงานที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่สีขาวเท่านั้น
สร้างความประหลาดใจให้วงการแฟชั่นอยู่ไม่น้อย เมื่อ วีราแวง ดีไซเนอร์หญิงระดับโลกเปิดตัวชุดแต่งงาน คอลเล็คชั่น Fall 2012 ที่เธอหยิบสีต้องห้ามทั้งดำ และเทา จับคู่กับซับในสีเนื้อ กลายเป็นชุดแต่งงานที่ดูสง่า แต่แฝงความเย้ายวน ลึกลับให้เจ้าสาว จนเกิดเป็นคำถามถึงแรงบันดาลใจในการออกแบบชุดแต่งงานคอลเล็คชั่นนี้ ว่าอาจจะมาจากความผิดหวังในชีวิตคู่ หลังหย่าขาดกับสามีที่ใช้ชีวิตร่วมกันมากว่า 23 ปี
การเปลี่ยนแปลงของแฟชั่นชุดเจ้าสาวนั้นมีมาโดยตลอด อย่างในทศวรรษที่ 20 ของอเมริกา ชุดแต่งงานของผู้หญิงที่ต้องปกปิดมิดชิดตามขนบ ถูกแทนที่ด้วยชุดกระโปรงสั้นอวดขาที่ผู้หญิงนิยมใส่ไปงานเลี้ยงสังสรรค์ยามราตรี ซึ่งเป็นช่วงที่กฎหมายอนุญาตให้ผู้หญิงสามารถลงเสียงเลือกตั้งได้เช่นเดียวกับผู้ชาย
ขณะที่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ชุดแต่งงานก็ถูกปรับให้ดูคล้ายกับชุดทหารมากขึ้น ด้วยการเสริมไหล่ ให้ดูทะมัดทะแมง ความกล้าที่จะเลือกใส่ชุดแต่งงานที่ต่างออกไปจากเดิม ทำให้ชุดแต่งงานไม่เพียงเป็นเสื้อผ้าเพียงหนึ่งชุด แต่ยังเป็นเครื่องสะท้อนความเป็นไปของสังคม และยังแสดงถึงอิสรภาพทางความคิดของผู้หญิงที่ไม่ได้ถูกจำกัดอีกต่อไป