แนวร่วมก่อความไม่สงบก่อความรุนแรงหวังท้าทายอำนาจรัฐ
เพราะต้องสูญเสียพี่สาวอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้นางอุทัยรัตน์ แสงอร่าม ยังทำใจยอมรับไม่ได้ว่านางนิตย์ เพชรซ้อน พี่สาวและนายผล พี่เขย ได้จากไปแล้วเพราะถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตระหว่างไปกรีดยางพารา ใน ต.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ก่อนจะขโมยปืนไป 1 กระบอกเมื่อ 2 วันก่อน ไม่แตกต่างไปจากความรู้สึกของลูกอย่างนายขนบ เพชรซ้อน ที่ยอมรับว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพ่อและแม่ ทำให้เขาหวาดกลัวและไม่กล้าไปกรีดยาง และนั้นก็หมายความว่า รายได้หาเลี้ยงครอบครัวก็ต้องหมดลง และในอนาคตก็อาจจำใจต้องขายที่ทิ้ง
การจากไปของนางนิตย์ และนายผล เป็นเพียง 2 ใน 11 ชีวิตใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่สูญเสียภายใน 24 ชั่วโมงระหว่างวันที่ 8-9 ต.ค.ที่ผ่านมา แม้ทุกคดีจะยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเกี่ยวข้องกันหรือไม่ แต่การก่อเหตุเกือบทุกเหตุการณ์มีเป้าหมายเป็นประชาชนทั่วไป ซึ่งเป็นเป้าหมายอ่อนแอ เพราะแนวร่วมสามารถก่อเหตุได้ง่าย เสี่ยงต่อการถูกตอบโต้น้อย
ความสำเร็จของงานจะส่งผลกระทบทางจิตวิทยาอย่างรุนแรง และทำให้รัฐถูกตำหนิจากชาวบ้านว่าไม่สามารถดูแลประชาชนได้ เจ้าหน้าที่ต้องปรับแผนในการดูแลประชาชน รวมถึงเร่งติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับเดิมให้ได้โดยเร็ว
นอกจากนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงห์แก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับให้ตำรวจทุกสถานีต้องวางมาตรการลดความสูญเสียในพื้นที่ความรับผิดชอบ และทำงานด้านมวลชนให้มากขึ้น เพื่อให้ประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตาซึ่งจะช่วยเป็นเกราะป้องกันและลดความสูญเสียได้ส่วนหนึ่ง