ครึ่งศตวรรษ
ฉากที่ เออร์ซูลา แอนเดรส ดาราสาวชาวสวิสปรากฏตัวบนชายหาดในชุดทูพิชจากเรื่อง Dr. No ปฐมบทสายลับ 007 ฉบับภาพยนตร์เมื่อปี 1962 นอกจากเป็นจุดเปลี่ยนของอุตสาหกรรมชุดว่ายน้ำที่สตรีมากมายหันมาโชว์เรือน ร่างในชุดทูพิชเลียนแบบเธอแล้ว เสน่ห์ของแอนเดรสในบทฮันนี ไรเดอร์ยังสร้างมาตรฐานให้กับ Bond girls กลายเป็นบทหญิงสาวพราวเสน่ห์ที่ขาดไม่ได้ในภารกิจของเจมส์ บอนด์ตลอดครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา
สาวบอนด์ฉบับจอเงินถูกสร้างในยุค 60 ช่วงเวลาที่นิตยสารเพลย์บอยกำลังได้รับความนิยม ซึ่งส่งผลต่อบุคลิกของสาวแบนด์ไม่น้อย ด้วยการเป็นสาวสมัยใหม่รักอิสระ แต่ละคนจะอยู่ในวัย 20 ปีกว่าๆ เพื่อให้อายุน้อยกว่า เจมส์ บอนด์ ประมาณ 10 ปี พร้อมปรากฏตัวด้วยความเย้ายวนและรับมือการเกี้ยวพาราสีของ 007 แตกต่างกันไป แต่หากรายใดเป็นผู้นัดพบสายลับคนดังก่อน พวกเธอมักเป็นกลายเป็นวายร้ายในภายหลัง ทั้ง Fatima Blush, Xenia Onatopp, Elektra King และ Miranda Frost
ที่ผ่านมามีสาวบอนด์เพียง 2 คน ที่เจมส์ บอนด์เคยปลงใจแต่งงานด้วย คือ เทรซี บอนด์ ในตอน On Her Majesty's Secret Service เมื่อปี 1969 แต่เสียชีวิตระหว่างกลับจากพิธีสมรสจากการลอบสังหาร และ เวสเปอร์ ลินด์ ที่เกือบทำให้ 007 เลิกเป็นสายลับตั้งแต่ภารกิจแรกเพื่อใช้ชีวิตคู่กับเธอในภาค Casino Royale ก่อนเธอจะเผยตัวว่าหลอกใช้บอนด์และจมน้ำเสียชีวิตในตอนจบ
2 ทศวรรษที่ผ่านมา กระแสสตรีนิยมทำให้ผู้หญิงในหนัง 007 ถูกยกระดับมากว่าการเป็นวัตถุทางเพศ สาวบอนด์มีความหลากหลายทางเชื้อชาติมากขึ้น และพัฒนาบทบาทให้มีความสำคัญด้วยการเป็นคู่หูปฎิบัติภาระกิจร่วมกับสายลับคน ดัง โดยคาเรน ทองค์สัน ศาสตราจารย์ด้านสตรีศึกษาของมหาวิทยาลัย University of Southern California มองว่าจุดเปลี่ยนสำคัญคือการเข้ามาสวมบท M ของ จูดี้ เดนช์ นักแสดงเจ้าบทบาท หลังจากตำแหน่งหัวหน้าหน่วยงานสืบราชการลับของ MI6 เคยสงวนไว้สำหรับนักแสดงชาย ซึ่งการให้ผู้หญิงในเรื่องมีบทบาทไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าตัวเอก ทำให้เนื้อหามีความซับซ้อนและน่าสนใจยิ่งขึ้น