ปั๊มน้ำมันขนาดกลางและขนาดเล็ก ใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลาและปั๊มน้ำมันใกล้แนวพรมแดนไทย-มาเลเซีย ต้องปิดตัวอย่างถาวรเพราะผลกระทบจากน้ำมันเถื่อน ที่ ลักลอบขนจากประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามาขายในภาคใต้ทำให้เจ้าของรถ หันไปใช้น้ำเถื่อน ซึ่งมีราคาลิตรละ 30 บาท แทนการใช้น้ำมันในประเทศที่ลิตรละ 41 บาท
ไม่แตกต่างจากปั๊มน้ำมันขนาดใหญ่ แม้จะยังพอขายได้แต่ยอดขายก็ลดลงถึงร้อยละ 30 บรรดาเจ้าของปั๊มต่างต้องการให้รัฐบาลเร่งปราบปรามเพราะขณะนี้ ธุรกิจปั๊มน้ำมัน ปิดตัวไปแล้ว 6 แห่ง
.
ปัญหาน้ำมันหนีภาษี ในภาคใต้ ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อผู้ค้าน้ำมันแต่อาจจะกลายเป็นปัญหาระดับชาติตามที่ นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกสภาที่ปรึกษาการบริหารและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ มองว่าหากไม่ปราบปรามอย่างจริงจัง จะเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนทำผิดกฎหมายส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ และบ่อนทำลายความมั่นคงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
เส้นทางขนน้ำมันเถื่อน ใน จ.สงขลา มี 2 ช่องทาง คือ ด่านสะเดา และด่าน ต.ปาดังเปซาร์ โดยการขนส่งผ่าน อ.สะเดาทั้ง 2 ช่องทางจะขนด้วยรถกระบะดัดแปลง ส่วนที่ จ.สตูล จะลักลอบขนทั้งทางบกและทางทะเล
ข้อมูลจากผู้ค้าน้ำมันเถื่อน ระบุว่า การขนน้ำมันเข้าประเทศแต่ละช่องทางมีเจ้าหน้าที่เกือบ 10 หน่วยงานเรียกรับผลประโยชน์จากผู้ค้าน้ำมัน ซึ่งมีทั้งจ่ายเป็นน้ำมันและจ่ายเป็นเงินรายเดือน
สอดคล้องกับข้อมูลสภาที่ปรึกษาการบริการและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ระบุว่าเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานในภาคใต้ รับผลประโยชน์จากขบวนการนี้
ส่วนการป้องกันการลักลอบขนน้ำมันเถื่อนจากประเทศเพื่อนบ้าน เข้าประเทศสมาชิกที่ปรึกษาการบริหารและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ ด่านศุลกากรเสนอให้รัฐบาลขอความร่วมมือจากประเทศมาเลเซีย เพื่อควบคุมการขายน้ำมันใกล้พรมแดนเนื่องจากทางการมาเลเซีย ไม่ทราบข้อมูลที่น้ำมันของประเทศตัวเองถูกลักลอบขนออกนอกประเทศ