ผู้ค้าน้ำมันเถื่อนใช้วิธีแบบ
ตำรวจภูธรสะเดา จ.สงขลา ไล่ตามจับกุมขบวนการลักลอบขนน้ำมันเถื่อน บนถนนสายกาญจนวานิช ห่างจากชายแดนไทย-มาเลเซียประมาณ 2 กม. เมื่อช่วงเย็นวานนี้ ( 18 ต.ค.) โดยรถเก๋งคันนี้ลักลอบขนน้ำมันเถื่อน บรรจุในถังแกลลอนขนาด 40 ลิตร จำนวน 5 ถัง ขณะลักลอบขนเข้ามาส่งตามจุดขายน้ำมันเถื่อนในฝั่งไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาได้ 1 คน ก่อนส่งด่านศุลกากรดำเนินคดี โดยไม่ยอมให้ข้อมูลการจับกุมกับผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอส
ส่วนปั้มน้ำมันในรัฐเคด้าห์ รัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย ตรงข้าม อ.สะเดา จ.สงขลา ขณะนี้บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงา หลังรัฐบาลไทยเข้มงวดการลักลอบค้าน้ำมันหลบเลี่ยงภาษี เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่รัฐของไทยหลายหน่วยงาน ยกเลิกการรับผลประโยชน์จากกลุ่มผู้ค้าน้ำมันเถื่อน และหันมาเข้มงวดกวดขันในการจับกุม ส่งผลให้จุดค้าน้ำมันเถื่อนใน อ.หาดใหญ่ และพื้นที่ใกล้เคียงเริ่มขาดตลาด
ตำรวจชุดปราบปรามน้ำมันเถื่อน ใน จ.สตูล เข้าตรวจสอบโกดังเก็บน้ำมันเถื่อนหลายจุดใน ต.วังประจัน อ.ควนโดน ขณะนี้พบว่า กลุ่มผู้ค้าได้ขนอุปกรณ์ออกจากพื้นที่ไปแล้ว เพราะการเข้มงวดจับกุมของเจ้าหน้าที่ ขณะที่กลุ่มผู้ ค้าน้ำมันริมถนน ยังเปิดให้บริการลูกค้าตามปกติ เนื่องจากยังคงมีการลักลอบขนน้ำมันเถื่อนเข้ามาทางทะเลแทน
ส่วนความคืบหน้า คดีน้ำมันเถื่อนของกลางหายไปกว่า 40,000 ลิตร หลังเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเข้าจับกุม เมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา ขณะนี้คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ระบุว่า คดียังไม่มีคืบหน้ามากนักเพราะการสอบปากคำพยานยังไม่ครบถ้วน จนมีการตั้งข้อสังเกต ถึงการทำงานล่าช้าของคณะกรรมการชุดนี้