หลายจังหวัดภาคอีสานประสบภัยแล้ง หลังฝนทิ้งช่วง

ฝนที่ทิ้งช่วงนานหลายเดือนทำให้หลายจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งเป็นบริเวณกว้าง ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ได้เข้าตรวจสอบปริมาณน้ำในเขื่อน เพื่อรับมือกับสถานการณ์ภัยแล้ง

นายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เข้าตรวจสอบสถานการณ์น้ำ ในเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน หลังสิ้นสุดช่วงฤดูฝน โดยล่าสุด มีปริมาณน้ำ 720 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็นร้อยละ 77 ของความจุอ่าง น้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีปริมาณน้ำเต็มความจุอ่าง

ขณะที่ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ยืนยันว่า จะมีน้ำเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภค และเพาะปลูก จนถึงเดือน พ.ค.ปีหน้า (2555) อย่างแน่นอน

ส่วนสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ฝั่งตะวันของของแม่น้ำน่าน ที่เริ่มประสบปัญหาขาดแคลนน้ำจากฝนตกน้อย เช่น อ.วังทอง อ.เนินมะปราง อ.นครไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ได้สั่งการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เร่งสำรวจและเตรียมพร้อมให้การช่วยเหลือ

ส่วนนาข้าวที่บ้านโคกล่าม ต.ไผ่ อ.เมืองกาฬสินธุ์ ต้องอยู่ในสภาพยืนต้นตาย จากปัญหาฝนทิ้งช่วง ขณะที่เขื่อนลำปาว จำเป็นต้องหยุดปล่อยน้ำ หลังปริมาณน้ำเหลืออยู่เพียง 422 ล้าน ลบ.ม.หรือร้อยละ 22 ซึ่งเข้าสู่ระดับวิกฤติรุนแรงที่สุดในรอบ 20 ปี ทำให้ขณะนี้มีนาข้าวได้รับความเสียหายทั้งจังหวัดแล้วกว่า 40,000 ไร่ และอาจเพิ่มเป็น 100,000 ไร่ หากฝนยังไม่ตกทั้งในและนอกเขตชลประทาน

เช่นเดียวกับระดับน้ำในแม่น้ำโขงที่ลดลงเร็วกว่าทุกปี ทำให้ชาวบ้านหลายหมู่บ้าน ใน อ.เขมราฐ,อ.โพธิ์ไทร,อ.ศรีเมืองใหม่ และ อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี เริ่มประสบปัญหา ขาดแคลนน้ำ เนื่องจากระดับน้ำที่ลดลงต่ำกว่าตลิ่งหลายสิบเมตร ทำให้ยากต่อการสูบน้ำดิบขึ้นมาผลิตน้ำประปา ให้เพียงพอต่อความต้องการ