ตำรวจกองกำกับการ 9 กองบังคับการตำรวจน้ำจังหวัดสตูล พร้อมเรือตรวจการณ์ ไปสมทบพบกับหน่วยเฉพาะกิจทางทะเลรักษาชายฝั่ง และ ตำรวจน้ำรัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย ช่วงเช้ามืดวันนี้ หลังทางประเทศมาเลเซีย ต้องการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยร่วมสำรวจเส้นทางลักลอบขนน้ำมันเถื่อนทางทะเลร่วมกันมาเลเซีย เพื่อปราบปรามขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนทางทะเลอย่างจริงจัง
ทางการมาเลเซียทราบถึงปัญหาน้ำมันที่รัฐบาลใช้เงินอุดหนุนให้คนในประเทศตัวเองใช้น้ำมันราคาถูก แต่กลับมีการลักลอบขนออกนอกประเทศ เข้าประเทศไทยทั้งทางบกและทางทะเล ทำให้คนมาเลเซียเสียผลประโยชน์มหาศาล
ข้อมูลเจ้าหน้าที่ของมาเลเซียระบุว่า การขนน้ำมันเถื่อนทางทะเล มีกลุ่มผู้มีอิทธิพลจากประเทศไทย ใช้เรือประมงและเรือขนาดใหญ่ เข้าขนน้ำมันจากแพปลาต่างๆที่ฝั่งรัฐเปอร์ลิส แล้วนำไปถ่ายเทบริเวณหมู่เกาะขมิ้น/เกาะหลีเป๊ะ และ เกาะปูยู ในฝั่งไทย ก่อนนำขึ้นฝั่ง
ขณะนี้ทางมาเลเซียเองกำชับเจ้าหน้าที่ของมาเลเซียที่อยู่ตามแนวพรมแดนทั้งทางบกและทางทะเล รายงานปัญหาการขนน้ำมันเถื่อนตามแนวพรมแดนให้รัฐบาลกลางรับทราบ พร้อมกันนี้ยังเรียกร้องรัฐบาลไทยที่ประสบปัญหาน้ำมันเถื่อนระบาดในประเทศไทยเช่นกัน ควรประสานรัฐบาลมาเลเซียร่วมมือกันแก้ปัญหา หากให้เจ้าหน้าที่ระดับท้องถิ่นทั้ง 2 ประเทศแก้ปัญหากันเองทำได้ยาก เพราะเจ้าหน้าที่ของไทยและมาเลเซียเองก็มีผลประโยชน์กับผู้ค้าน้ำมันเถื่อน
ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่พบว่า เส้นทางขนน้ำมันเถื่อนจากประเทศมาเลเซียเข้ามายังประเทศไทยผ่านทาง 5 จังหวัด ชายแดนภาคใต้ ได้แก่ ด้านจังหวัดสตูล 2 ช่องทางทางบกเข้าทางด่านตำบลวังประจัน อำเภอควนโดน และ ทางทะเล ขนเข้ามากับเรือประมงและเรือสินค้า
จังหวัดสงขลา 2 ช่องทาง คือ ทางด่านปาดังเปซาร์ และ ด่านอำเภอสะเดา จังหวัดปัตตานี 1 ช่องทาง คือ เส้นทางทะเลอ่าวไทย จังหวัดยะลา 1 ช่องทาง คือ ด่านอำเภอเบตง และ จังหวัดนราธิวาส 2 ช่องทาง คือ ขนส่งทางเรือด่านอำเภอตากใบ และ ขนทางบกเข้าทางด่านอำเภอสุไหงโก-ลก
ซึ่งกลุ่มที่ค้าน้ำมันส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพลใกล้ชิดนักการเมืองผู้นำท้องถิ่นกำนันและผู้ใหญ่บ้านที่อยู่ใกล้แนวชายแดน