กลุ่มสิทธิมนุษยชนเผยภาพศึกเชื้อชาติในรัฐยะไข่ของพม่า
องค์กรสิทธิมนุษยชนฮิวแมนไรต์วอทช์ในสหรัฐฯ เผยภาพถ่ายดาวเทียมพร้อมทั้งอธิบายว่า ชุมชนเมืองของชาวโรฮิงยาตลอดแนวชายฝั่งอ่าวเบงกอล ถูกฝูงชนคู่อริบุกเผาราบเป็นหน้ากลอง ทั้งนี้ผู้อำนวยการฮิวแมนไรต์วอทช์ระบุว่า เป็นการโจมตีอย่างหฤโหดที่มีการวางแผนอย่างเป็นระบบและเรียกร้องให้รัฐบาลพม่าเข้าปกป้องชาวโรฮิงยาโดยด่วน
ชาวโรฮิงยาเสมือนเป็นคนไร้รัฐทั้งนี้ก็เพราะ แม้จะอาศัยอยู่ในรัฐยะไข่มาเป็นเวลานานแต่รัฐบาลพม่าไม่นับว่าเป็นพลเมือง นอกจากนี้ บังคลาเทศ ซึ่งเชื่อว่าเป็นดินแดนเดิมที่ชาวโรฮิงยาอพยพมา ก็ไม่ประสงค์รับกลับ
ชาวพุทธบุกเข้าทำร้าย และทำลายทรัพย์สินชาวโรฮิงยาระลอกล่าสุดตลอดสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งทั้งเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น และรัฐบาลส่วนกลางของพม่ายอมรับว่ามีผู้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 82 คน บาดเจ็บ 129 คน นอกจากนี้บ้านและเรือ ซึ่งชาวโรฮิงยาใช้เป็นที่อยู่อาศัย ก็ถูกจุดไฟเผาไปแล้ว 2,818 หลัง
โทรทัศน์ทางการพม่าแพร่ภาพเมื่อวานนี้ (27 ต.ค.) ว่า คณะเจ้าหน้าที่ของรัฐยะไข่ได้เดินทางเข้าไปภายในพื้นที่เกิดเหตุ ซึ่งยังคงร่องรอยความเสียหายอย่างกว้างขวางทั้งบ้านเรือน และต้นไม้ถูกไฟเผา โอกาสนี้เจ้าหน้าที่ได้แจกจ่ายสิ่งของให้กับผู้ได้รับผลกระทบ ด้านโฆษกรัฐยะไข่เปิดเผยว่าเมื่อวานนี้ (27 ต.ค.) ไม่มีรายงานการปะทะกันอีก ขณะที่สหประชาชาติระบุว่าศูนย์ผู้อพยพในเมืองสิตตะเว เมืองเอกของรัฐยะไข่ทางตะวันตกของพม่า กำลังมีชาวโรฮิงยาอีกนับหมื่นคนใช้เส้นทางทางทะเล และทางบก มุ่งหน้าไปสมทบกับผู้อพยพงวดที่แล้ว 75,000 คน
การปะทะกันระหว่างชาวมุสลิมโรฮิงยากับชาวพม่านับถือพุทธครั้งที่แล้วเกิดเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งสาเหตุเริ่มแรกเกิดจากมีสตรีชาวพุทธคนหนึ่งถูกข่มขืนแล้วฆ่า จากนั้นก็มีข่าวกระจายออกไปว่าชาวโรฮิงยาเป็นคนทำทำให้ชาวพุทธรวมตัวบุกมาโจมตีด้วยความโกรธแค้น โดยเหตุการณ์เมื่อ 4 เดือนก่อนนั้นทำให้มีผู้เสียชีวิตไปอย่างน้อย 90 คน บาดเจ็บอีกนับร้อยคน และบ้านเรือนถูกเผาไป มากกว่า 3,000 หลัง