คนไทยในสหรัฐฯ กับการเลือกตั้ง ปธน.สหรัฐฯ
ที่ร้านอาหาร มิกกี้ แดรี่ ในเมืองเมดิสันซึ่งเป็นร้านที่ขายอาหารเช้าในแบบอเมริกันที่เปิดมานานกว่า 60 ปีเรียกได้ว่าใครที่ไม่ได้กินอาหารร้านนี้ก็เหมือนมาไม่ถึงเมดิสัน โดยอาหารที่นี่เน้นอาหารอร่อย ปริมาณมากและราคาถูกโดยเป็นที่นิยมของบรรดานักศึกษา
ซึ่งร้านแห่งนี้ปัจจุบันมี นายพะเยา ทองน่วม เป็นเจ้าของโดย นายพะเยา ย้ายมาอยู่ที่สหรัฐกว่า 40 ปี ถึงแม้สหรัฐฯ จะมีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจแต่ร้านของเขาก็ไม่ได้รับผลกระทบมากเท่าไร ในครั้งนี้นางพะเยา ตั้งใจไปใช้สิทธิ์โดยบอกว่าต้องคิดให้ดีไม่เลือกคนที่ได้แต่สัญญา และไม่ทำซึ่งตัวเขาคิดว่าจะเลือกโอบามาเพราะมองว่ารอมนีย์ดูเป็นคนเหยียดเชื้อชาติ
ในวันนี้ นางนันทยา กาญจนะ ที่แต่งงานกับคนอเมริกัน และอยู่ที่สหรัฐมานานกว่า 30 ปีกำลังทำกะหรี่ปั๊บเพื่อส่งขายให้ร้านอาหารไทยโดยทำเป็นงานอดิเรก นางนันทยา มีงานประจำเป็นผู้จัดการคลีนิกทันตกรรมในเมืองเมดิสัน สำหรับ นางนันทะยา แล้วรู้สึกได้ถึงผลกระทบในเรื่องเศรษฐกิจที่ดูได้จากจำนวนผู้นัดพบหมอฟันที่น้อยลง
ถึงแม้ปัญหาที่คนอเมริกันให้ความสำคัญอันดับแรกคือเศรษฐกิจแต่ก็ยังมีปัจจัยอย่างอื่นใช้ในการประกอบการตัดสินใจ
อาจารย์ ธงชัย วินิจจะกูล อาจารย์ทางด้านประวัติศาสตร์มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน ซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่มีสิทธิลงคะแนนในการเลือกตั้งวิเคราะห์ว่าการตัดสินใจของคนอเมริกัน อยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์เฉพาะกลุ่มซึ่งต้องนำหลายประเด็นมาชั่งน้ำหนักก่อนตัดสินใจ
ด้านมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน เมื่อ 4 ปีที่แล้วคนหนุ่มสาวเหล่านี้เป็นพลังสำคัญที่ช่วยทำให้โอบาม่าได้เข้าไปนั่งในทำเนียบขาว แต่มาในครั้งนี้มีการวิเคราะห์ว่าคนกลุ่มนี้รู้สึกตื่นเต้นกับโอบาม่าน้อยกว่าเมื่อ 4 ปีก่อน
จินดา มัวร์ นักศึกษาลูกครึ่งไทยอเมริกันที่ได้ไปใช้สิทธิล่วงหน้าไปแล้วยอมรับว่าครั้งนี้ดูจะมีกความกระตือรือร้นน้อยลง ถึงแม้จะมีความกังวลในเรื่องการหางานหลังเรียนจบแต่ จินดาบอกว่าเธอและเพื่อนๆของเธอก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียวแต่ยังมีปัจจัยในเรื่องปัญหาสังคมด้วย
ความคิดเห็นของคนทั้ง 3 เป็น ส่วนหนึ่งของผู้มีสิทธิลงคะแนนในรัฐวิสคอนซินซึ่งเป็นรัฐสวิงสเตทที่สำคัญ ที่จะเป็นตัวกำหนดว่าใครจะได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในครั้งนี้