นักสันติวิธีชื่นชม
พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า ระบุว่า แม้ อพส.จะประกาศยุติการชุมนุมไปแล้ว แต่จากนี้ไปยังต้องติดตามสถานการณ์กันอีกครั้งว่าจะยุติจริงหรือไม่ และเหตุผลที่แท้จริงของการยุติ คือ ผู้ร่วมชุมนุมไม่เป็นไปตามเป้าหมาย แต่กล่าวชื่นชมถึงข้อห่วงใยความไม่ปลอดภัยของประชาชนที่ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประกาศในเบื้องต้น เพราะสังเกตจากสภาพแวดล้อมแล้วส่อเค้าจะเหตุไม่คาดคิดได้ ทั้งเงื่อนเวลาที่ย่างเข้าสู่ช่วงเย็นและค่ำ ประกอบกับฝนที่ตกหนัก ผนวกกับข้อมูลด้านการข่าวที่มีการประเมินไว้ก่อนหน้านี้
ขณะที่การปะทะกันระหว่างตำรวจและผู้ชุมนุมถึง 2 ครั้งในวันนี้ พล.อ.เอกชัย ชี้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นควรผ่านกระบวนการพิสูจน์ภาพที่ถูกบันทึกไว้อีกครั้งว่า การดำเนินการของตำรวจและผู้ชุมนุม เป็นไปตามข้อกำหนดใน พ.ร.บ.ความมั่นคง หรือไม่ แต่โดยส่วนตัว เห็นว่า พื้นที่ที่ผู้ชุมนุมจะเข้าไปถือว่าเป็นพื้นที่หลักของกำลังตำรวจ ซึ่งประกาศเป็นพื้นที่ห้ามตามกฎหมาย ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ตำรวจจะไม่อนุญาตให้ผ่านเด็ดขาด แม้จะมีความพยายามจากแกนนำเข้าเจรจาแล้วก็ตาม
นายโคทม อารียา ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวิเคราะห์จากพฤติกรรมของทั้ง 2 ฝ่าย คือ ตำรวจและผู้ชุมนุมเข้าข่ายว่า เป็นการจับจ้องปะลองกำลังระหว่างกัน และ ต่างฝ่ายต่างมีแผนปฏิบัติการที่เตรียมการไว้ โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสามารถพิจารณาปัจจัยรอบด้านแล้วสะท้อนได้ว่า อพส. มีแนวคิดในการดำเนินการ 3 แนวทาง คือ ต้องการแสดงพลัง ต้องการวัดความพร้อมมาตรการของรัฐบาล และ ต้องการทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาล
นายโคทม เห็นว่า การอ้างการจัดการกับสถานการณ์การชุมนุมที่เป็นไปด้วยความชอบธรรมของรัฐบาลอยู่ในข่ายที่จะพูดได้ว่า "เป็นเหตุอันไม่สมควร" เกิดขึ้น โดยเฉพาะการอ้างว่า ไม่ใช่การสลายการชุมนุมแต่เป็นการจัดระเบียบเท่านั้น และระบุว่า รัฐบาลปัจจุบันไม่ได้ใช้บทเรียนในอดีตมาเป็นแนวทางปฏิบัติเลยหากแต่กลับดำเนินการซ้ำ