สารคดีการละเมิดทางเพศในนิกายคาทอลิก
ห้องสารภาพบาป ภายในโบสถ์เซนต์ฟรานซิส ในรัฐวิสคอนซิน ควรเป็นพื้นที่ส่วนตัวเพื่อรับคำปรึกษาจากบาทหลวง แต่กลับกลายเป็นสถานที่แห่งฝันร้าย เมื่อเด็กชายหูหนวกที่เข้าศึกษาในโรงเรียนของโบสถ์กว่า 200 ราย ถูกสาธุคุณลอเรนซ์ เมอร์ฟีกระทำชำเราที่นี่ต่อเนื่องมากว่า 20 ปีตั้งแต่ทศวรรษ 1950 ก่อนที่อดีตเหยื่อทั้ง 4 รายจะออกมาเปิดเผยความจริงในสารคดี Mea Maxima Culpa: Silence in the House of God
อดีตอันเลวร้ายในวัยเด็กของเหยื่อที่พูดไม่ได้ ถูกบอกเล่าผ่านภาษามือ โดยนักแสดงดัง คริส คูเปอร์ และ อีธาร์น ฮอว์ก แต่สิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่า คือองค์กรวาติกันที่ปิดปากเงียบต่อประเด็นดังกล่าว โดยเฉพาะกรณีของลอเรนซ์ เมอร์ฟีที่หลังจากสำนึกบาปแล้ว ยังได้รับอนุญาตให้ดำรงสมณเพศต่อไปกระทั่งเสียชีวิตในปี 1998 โดยไม่ได้รับการลงโทษทางกฎหมายใดๆ ซึ่งสำหรับเหยื่อทุกราย ความจริงข้อนี้คือฝันร้ายเทียบเท่ากับการถูกข่มขืนซ้ำสอง
Silence in the House of God กำกับโดย อเล็ก กิบนีย์ ที่เคยได้ออสการ์สาขาสารคดีมาแล้ว โดยตั้งใจให้เรื่องนี้เจาะลึกกรณีการล่วงละเมิดทางเพศในสำนักสงฆ์นิกายคาทอลิก ตั้งแต่ระดับชุมชนในสหรัฐฯ และยุโรป ตลอดจนโจมตีวาติกัน ที่วางเฉยและปฏิเสธข้อหาการปกปิดคดี ทั้งยังวิจารณ์สื่อที่กล่าวหาว่ามีแนวคิดต่อต้านศาสนา โดยคำขอสัมภาษณ์ของอเล็ก กิบนีย์ต่อเจ้าหน้าที่ของวาติกันทุกคนได้รับการปฎิเสธทั้งหมด
อเล็ก กิบนีย์ ที่เติบโตในครอบครัวคาทอลิก ชี้ว่าหลายคดีที่ผ่านมา เช่นเจอร์ซี แซนดัสกี้ อดีตผู้ช่วยโค้ชทีมอเมริกันฟุตบอลระดับมหาวิทยาลัยที่ก่อคดีทางเพศกับนักศึกษาที่ลอยนวลมาได้นานกว่า 15 ปี หรือกรณีอื้อฉาวของ จิมมี เซวิล อดีตพิธีกรดังของช่องบีบีซีที่กระทำชำเราผู้เยาว์เป็นเวลากว่า 4 ทศวรรษ มีต้นเหตุจากการที่สถาบันของผู้ต้องหาต่างไม่ยอมรับความจริงจนปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศต้องยืดเยื้อ ซึ่งส่วนใหญ่หวังเพียงรักษาภาพลักษณ์ขององค์กร จนความยุติธรรมที่เหยื่อควรได้รับต้องหลุดลอยไป