ลอบยิงครู 
“ผมน่าจะตายก่อนหลาน” สะท้อนถึงความรู้สึกของน้าชายอย่างนายสวัสดิ์ บำรุงสุข เมื่อเห็นศพของนางฉัตรสุดา นิลสุวรรณ ครูโรงเรียนบ้านตาโงะ อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส ที่ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต ระหว่างเดินทางกลับบ้านเมื่อวานนี้ ( 3 ธ.ค.) ทำให้ชีวิตของอดีตเด็กจากโรงเรียนกองทุนสงเคราะห์ที่ครอบครัวยากจน แต่ดิ้นรนจนได้เป็นครูต้องจบลงเพราะคมกระสุนของคนร้ายแล้วทิ้งลูกวัย 5 ขวบไว้ลำพัง
แม้คนงานจะเร่งก่อสร้างกำแพงกั้นรอบโรงเรียนบ้านตาโงะ เพื่อป้องกันการลักลอบเข้ามาเผาอาคารเรียนซ้ำเหมือนหลายปีก่อน แต่ไม่สามารถปกป้องเหตุรุนแรงที่จะเกิดขึ้นกับโรงเรียนและครูได้ เพราะคนร้ายเลือกสถานที่ก่อเหตุระหว่างทางที่นางฉัตรสุดาเดินทางกลับผิดเวลา หลังเจ้าหน้าที่ได้นำคณะของครูกลับบ้านในช่วงเย็นช่องว่างของการก่อเหตุที่เลือกเป้าหมายเป็นครูที่เดินทางลำพัง และ ห้วงเวลาก่อเหตุ เช่น ช่วงเที่ยว ช่วงค่ำ หรือ เวลาส่วนตัวของครู ที่อยู่นอกเหนือแผนการรักษาความปลอดภัย ทำให้ครูตกเป็นเหยื่อหลายครั้ง โดยเฉพาะครูในพื้นที่เสี่ยงที่มีทางเข้าออกเพียงทางเดียว เช่นโรงเรียนบ้านตาโงะ ซึ่งถนนทางเข้าและออกทุรกันดาน และ 2 ข้างทางมีป่ารกทึบจึงง่ายต่อการก่อเหตุ
รอยรั่วที่อยู่เหนือการควบคุมยังเกิดขึ้นกับการดูแลสถานศึกษาทำให้โรงเรียนหลายแห่งที่มีกำลังทหารดูแลไม่เพียงพอต้องอาศัยกองกำลังประชาชนที่มีทักษะการต่อสู้ไม่มาก และ ไม่มีอาวุธที่ดีพอ ส่งผลให้ภายในสับดาห์เดียวโรงเรียนบ้านบางมะรวด และโรงเรียนบ้านทาสู อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี ถูกลอบวางเพลิง และแม้ว่าครูและโรงเรียนหลายแห่งจะมีความใกล้ชิดชุมชน แต่พบว่า ความหวาดกลัวของคนในพื้นที่ที่ไม่กล้าเข้าไปช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุ มีผลอย่างมากที่ทำให้การดูแลครู และโรงเรียนยังทำได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ