เครือข่ายธรรมาภิบาลด้านพลังงาน ค้าน
เครือข่ายธรรมาภิบาลด้านพลังงาน จัดกิจกรรม นัดประชาชนเคาะกะทะ ย่านถนนสีลม เพื่อแสดงสัญลักษณ์คัดค้านกระทรวงพลังงานที่เตรียมปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มหรือ แอลพีจี ภาคครัวเรือนและภาคยานยนต์ อย่างไม่เป็นธรรมและก่อให้เกิดความเดือดร้อนกับประชาชนในวงกว้าง
โดยตัวแทนเครือข่ายมูลนิธิผู้บริโภคกล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลพยายามสื่อสารไปยังประชาชนว่ามีปัญหาด้านต้นทุนราคาก๊าซแอลพีจี จึงจำเป็นต้องปรับราคาขึ้น โดยให้เป็นราคาเดียวกับตลาดโลก ทั้ง ๆ ที่ก๊าซแอลพีจี เป็นพลังงานที่มีแหล่งผลิตอยู่ในประเทศไทย กว่าร้อยละ 80 ซึ่งเพียงพอต่อการใช้ของประชาชนทั้งภาคครัวเรือนและภาคยานยนต์ แต่รัฐบาลพยายามผลักภาระให้คนไทย ซื้อก๊าซแอลพีจีในราคาที่แพงกว่าภาคอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ที่นำก๊าซแอลพีจีมาเป็นวัตถุดิบ ซึ่งปัจจุบันซื้อในราคาที่ต่ำกว่าประชาชนครึ่งหนึ่ง
ดังนั้น เครือข่ายธรรมาภิบาลด้านพลังงาน จึงเรียกร้องให้รัฐบาล ยุติการปรับขึ้นราคาก๊าซแอลพีจี เพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจ โดยเสนอให้ภาคอุตสาหกรรมปิโตรเคมี นำเข้าก๊าซแอลพีจีจากต่างประเทศแทนการปรับขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีในภาคครัวเรือนกับภาคยานยนต์ในต้นปีหน้า
พร้อมกันนี้ ยังเสนอให้รัฐบาลจัดทำประชาพิจารณ์รับฟังความเห็นจากประเทศทุกภูมิภาค พร้อมให้ข้อมูลที่ถูกต้องว่าประชาชนเห็นด้วยกับการปรับขึ้นราคาแอลพีจีหรือไม่ เพื่อการเข้าถึงการใช้พลังงานของประชาชนอย่างเป็นธรรม
นอกจากนี้ เครือข่ายธรรมาภิบาลด้านพลังงาน ยังได้แจกจ่ายเอกสาร "ตีแผ่ความจริงก๊าสหุงต้ม ใครปล้นคนไทย" โดยมีเนื้อหาแจกแจงรายละเอียดการเปรียบเทียบราคาก๊าซแอลพีจี ทั้งภาคครัวเรือน ภาคยานยนต์ และภาคอุตสาหกรรมปิโตรเคมี และสัดส่วนการใช้แอลพีจี และราคาในปี 2554 รวมถึงข้อเสนอในการกำหนดราคาแอลพีจีอย่างเป็นธรรม
ทั้งนี้ ในช่วงบ่ายเครือข่ายการเมืองภาคพลเมืองสภาธรรมาภิบาล จะยื่นฟ้องคดีอาญากับนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในข้อหา ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ การกระทำที่ไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม เนื่องจากนโยบายการปรับขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีในต้นปีหน้าเป็นการผลักภาระให้กับประชาชน และยังขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 3