“แบล็ตเตอร์” ส่อแววชนะเลือกตั้งประธานฟีฟ่า
ฟีฟ่าซึ่งเป็นองค์กรกีฬาที่ทรงอิทธิพล เมื่อเกิดข้อครหาในการทุจริตมักจะยากต่อการตรวจสอบจากคนภายนอก แม้ว่ากรณีล่าสุดฟีฟ่าจะออกมาเปิดโปงคนในองค์กรด้วยกันเอง โดยแฉว่าบอร์ดบริหาร รวมถึงนายโมฮัมเหม็ด บิน ฮัมมัม ประธานเอเอฟซี จัดประชุมลับ เพื่อซื้อคะแนนโหวตเลือกประธานฟีฟ่า แต่เซปป์ แบล็ตเตอร์ กลับออกมาปฏิเสธเสียงแข็งแบบสวนทางว่า ฟีฟ่ายังไม่ถึงยุควิกฤตของการคอร์รัปชั่น
ขั้นตอนการสอบสวนนายโมฮัมเหม็ด บิน ฮัมมัม คือการตั้งคณะกรรมการทางวินัย และจริยธรรมเพื่อเข้ามาสอบสวน การสอบมีขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคมที่ผ่านมา ขณะที่บินฮัมมัม ยืนยันว่าฟีฟ่ายังไม่มีหลักฐานชัดเจน ถือเป็นการกดดันโดยการเมืองภายใน และเป็นการทำลายขวัญฝ่ายสนับสนุนบินฮัมมัมอย่างเด็ดขาด เพราะนอกจากบิน ฮัมมัม จะไม่สามารถดำเนินกิจกรรมใดๆ ที่เกี่ยวกับฟุตบอลอีกต่อไปแล้ว เขายังต้องหลุดจากตำแหน่งประธานเอเอฟซีไปด้วย โดยล่าสุด จาง จี้ หลง รองประธานเอเอฟซี กำลังจะได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งแทน บิน ฮัมมัม
นอกจากนั้น ยังมีกรณีที่บอร์ดบริหารฟีฟ่า รวมถึง นายวรวีร์ มะกูดี ถูกกล่าวหาเรียกรับผลประโยชน์จากอังกฤษ เพื่อแลกกับคะแนนโหวตเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2018 ซึ่งฟีฟ่าไม่สามารถชี้แจงได้อย่างชัดเจนเพียง แต่ระบุว่าผู้ที่ถูกกล่าวหาทั้ง 4 คน ไม่มีความผิด โดยแบล็ตเตอร์กล่าวว่ายังไม่ได้รับรายงานเอกสารใดๆ จากลอร์ด ทริสแมน ทั้งที่ก่อนหน้านี้อังกฤษอ้างว่าส่งหลักฐานทั้งหมดให้ฟีฟ่าแล้ว
กรณีแรกอาจไม่เกิดผลกระทบในวงกว้าง แต่หากการทุจริตซื้อเสียงในการเลือกการ์ตาเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2022 ถูกหยิบยกขึ้นมาพิจารณาหลังการเลือกตั้งประธานฟีฟ่าในวันพรุ่งนี้ อาจจะเป็นกรณีศึกษาที่สร้างแรงกระเพื่อมต่อวงการฟุตบอลโลก โดยแบล็ตเตอร์ ที่เชื่อมั่นว่าการคอรัปชั่นในองค์กรยังไม่ถึงขึ้นวิกฤต มีความคิดที่จะให้เลือกเจ้าภาพครั้งนี้ใหม่ เพียงแค่มีการกล่าวหาว่าบอร์ดบริหารฟีฟ่า 2 คนขายเสียงให้กับการ์ตา แต่กลับไม่มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน
อย่างไรก็ตาม การ์ตา ชนะการโหวตโดยได้คะแนนเสียงมากที่สุดทุกรอบ รอบแรกได้ 11 คะแนน, รอบที่ 2 10 คะแนน, รอบที่ 3 11 คะแนน และรอบสุดท้ายชนะสหรัฐอเมริกาด้วยคะแนนเสียงข้างมาก 14-8 คะแนน ซึ่งหากแบล็ตเตอร์ ได้เป็นประธานฟีฟ่าต้องจับตาดูว่าเขาจะยืนยันให้มีการเลือกเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2022 อย่างไร