ย้อนคดีส่งเสือโคร่งไปจีน
เสือเป็นสัตว์ในบัญชีหมายเลข 1 ของอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ หรือไซเตส ที่ห้ามมีการซื้อขาย ยกเว้นเพื่อการศึกษา วิจัย และเพาะพันธุ์ และการส่งออกเสือ รวมถึงอยู่ในกฎหมายสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535 ที่ห้ามไม่ให้เอกชนส่งสัตว์สงวน เว้นแต่จะกระทำในนามของรัฐบาลต่อรัฐบาล ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่คณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. พบช่องว่างที่ใช้เลี่ยงกฎหมาย ในการส่งออกเสือโคร่งเบงกอล 100 ตัว ไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน ของนายปลอดประสพ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ในขณะนั้น จนมีความเห็นส่งฟ้องต่อศาล
การส่งออกเสือในครั้งนั้นเกิดขึ้นปี 2545 นายปลอดประสพ ลงนามอนุมัติให้บริษัท ศรีราชา ไทเกอร์ซู จำกัด ส่งออกเสือโคร่ง 100 ตัว แยกเป็นตัวผู้ 56 ตัว ตัวเมีย 44 ตัว ไปยังสวนสัตว์ซันหยา ที่ตั้งอยู่ที่มณฑลไหหลำ สาธารณรัฐประชาชนจีน ในนามของกรมป่าไม้ เพื่อให้เห็นว่าการส่งออกเสือดังกล่าวเป็นไปเพื่อกิจการสาธารณะ ทั้งที่ความจริงเป็นการส่งออกเพื่อผลประโยชน์ทางการค้าของบริษัทเอกชนต่อเอกชน
การสอบสวนมีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ขณะที่คณะกรรมาธิการธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร ในขณะนั้น ได้เดินทางไปยังสวนสัตว์ซันหยา ซึ่งได้รับข้อมูลจากผู้บริหารสวนสัตว์ว่า ได้ลงทุนสั่งซื้อเสือโคร่งในราคาตัวละ 100,000 บาท พร้อมปฏิเสธว่าเสือโคร่งที่ได้รับมอบจากประเทสไทยไม่ได้เป็นการค้าขายสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมาย ทำให้อนุกรรมาธิาการมีข้อสรุปว่าการส่งเสือโคร่งครั้งนั้นเป็นการดำเนินการโดยภาคเอกชน และมีวัตถุประสงค์เพื่อการค้า มิใช่เพื่อการวิจัยค้นคว้าทางวิชาการตามที่นายปลอดประสพอ้าง จึงถือว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายละเมิดอนุสัญญาไซเตส
ล่าสุด วันนี้เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. และเจ้าพนักงานอัยการ นำตัวนายปลอดประสพ มายังศาลอาญารัชดา เพื่อรายงานตัวหลังศาลมีความเห็นสั่งฟ้องจำเลยร่วมไปก่อนหน้านี้ 2คน โดยก่อนหน้านี้นายปลอดประสพ ใช้เอกสิทธิ์ความเป็น ส.ส.คุ้มครองขอเลื่อนการรายงานตัว เนื่องจากติดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร เบื้องต้นนายปลอดประสพยื่นขอประกันตัว และศาลนัดพร้อมคู่ความ และตรวจพยานหลักฐานอีกครั้งในวันที่ 26 เมษายน 2556 ซึ่งนายปลอดประสพยืนยันพร้อมต่อสู้คดี