ไทยย้ำศาลโลกชายแดนตึงเครียด เหตุกัมพูชาสร้างสถานการณ์
เป็นการแถลงปิดการชี้แจงด้วยวาจาที่ครบถ้วนตามที่ทีมกฎหมายฝ่ายไทยในคดีปราสาทพระวิหารได้เตรียมการมา โดยนายวีระชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอแลนด์ ได้กล่าวย้ำถึงสถานการณ์ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นระหว่างไทย และ กัมพูชาที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องว่า เป็นความพยายามในการสร้างสถานการณ์ของกัมพูชา โดยการร้องขอให้มีมาตรการคุ้มครองที่ต้องการให้ไทยถอนทหารออกจากพื้นที่โดยไม่มีเงื่อนไข ขณะที่ฝ่ายกัมพูชามีการวางกองกำลังติดอาวุธอยู่ในพื้นที่ตัวปราสาทเป็นสิ่งที่ลักลั่นต่อการร้องขอไม่น้อย
ขณะเดียวกันความพยายามของกัมพูชาในการนำเอากรณีการปะทะกันตามแนวชายแดน ด้านปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย มาพยายามชี้ให้ศาลเห็นว่า เกี่ยวข้องกับเรื่องของเขตแดนบริเวณปราสาทพระวิหาร เป็นสิ่งที่ไทยได้ชี้แจงว่าจะไม่มีสถานการณ์รุนแรงในลักษณะนี้หากกัมพูชาไม่พยายามสร้างสถานการณ์
ส่วนประเด็นที่ไทยตั้งข้อสังเกตไว้ก่อนหน้านี้คือ การที่กัมพูชา พยายามเปิดประเด็นให้ศาลพิจารณาคำพิพากษาของศาลโลกเมื่อปี 2505 ซึ่งไม่ได้มีความชัดเจนเกี่ยวกับการกำหนดเส้นเขตแดนที่ถูกระบุว่า เป็นพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารไว้กัมพูชาจึงอ้างแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ตารางกิโลเมตร เพื่อให้ศาลพิจารณาในประเด็นของเขตแดน ซึ่งเรื่องนี้ไทยได้ชี้แจงมาโดยตลอดทั้ง 2 วันที่มีการชี้แจงด้วยวาจาว่า ศาลโลกไม่มีอำนาจในการตัดสินกรณีเขตแดนระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งได้มีข้อตกลงในกลไกการแก้ปัญหาร่วมกันในระดับทวิภาคี ทั้งกรอบการลงนามในข้อตกลง หรือ เอ็มโอยู ปี 2543
และประเด็นสำคัญคือไทยและกัมพูชา มีกลไกการเจรจาของกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทยกัมพูชา หรือ เจบีซี และ คณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ จีบีซี ซึ่งได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว หลังจากนี้คงต้องจับตาดูความเคลื่อนไหวที่จะเกิดขึ้นต่อไป จนกว่าผลการพิจารณาคดีของศาลโลกจะมีขึ้น ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นในช่วงปลายเดือนนี้ โดยจะใช้เวลาในการพิจารณาราว 3 สัปดาห์