หลายฝ่ายจับตามองการเลือกตั้งประธานฟีฟ่า
การเลือกตั้งประธานฟีฟ่าที่จะมีขึ้นในวันนี้ที่สำนักงานใหญ่ในเมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ต้องจืดชืดในทันทีหลังจากการที่นายโมฮาเหม็ด บิน ฮัมมัม ประธานสหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือ เอเอฟซี ชาวกาต้าร์ ประกาศถอนตัวจากการช่วงชิงตำแหน่ง ทั้งที่กลายเป็นตัวเต็งในการขึ้นมาท้าชิงอำนาจจาก นายเซปป์ แบล็ตเตอร์ ขั้วอำนาจเก่าที่ครองตำแหน่งนายใหญ่ขององค์กรลูกหนังโลกมากว่า 13 ปี
ทำให้สุดท้ายแล้วการฟ้องกลับกันไปมาเรื่องความไม่โปร่งใสระหว่างนาย แบล็ตเตอร์ กับนายบิน ฮัมมัม ส่งผลให้นายบิน ฮัมมัม ถูกคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยของฟีฟ่าที่มีนาย แบล็ตเตอร์ เป็นผู้กำหับการสั่งห้ามยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมทางฟุตบอลชั่วคราว จนกว่าจะสามารถหาข้อเท็จจริงในเรื่องการติดสินบนด้วยจำนวนเงินกว่า 40,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.2 ล้านบาท เพื่อขอคะแนนเสียงจากสหพันธ์ฟุตบอลในแถบแคริบเบียน
จนกระทั่งล่าสุด นายแจ็ค วอร์เนอร์ รองประธานฟีฟ่า และเป็นผู้บริหารของสหพันธ์ฟุตบอลแคริบเบียนได้โชว์เอกสาร และรูปถ่ายเงินก้อนโตที่ได้รับเพื่อขอคะแนนเสียง ทำให้กลายเป็นเหตุผลสำคัญอีก 1 ชิ้น ที่เชื่อมถึงตัวนายบิน ฮัมมัม ขณะเดียวกัน นายวอร์เนอร์ ยังได้บอกกับหนังสือพิมพ์ เดอะ เมลล์ ของอังกฤษ การได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกของกาต้าร์ ในปี 2022 มาจากการซื้อคะแนนเสียงเช่นกัน ทำให้สถานการณ์ในปัจจุบันนายบิน ฮัมมัม คงต้องหาหลักฐานหลายชิ้นมาเพื่อแกข้อกล่าวหา
อย่างไรก็ตาม มิเชล พลาตินี่ ประธานสหพันธ์แห่งยุโรป หรือ ยูฟ่า ออกมาให้สัมภาษณ์เตือยว่าการเลือกตั้งในวันนี้มีความเป็นไปได้สูงที่ชาติสมาชิกทั้ง 45 ชาติจากเอเชียจะเวิร์กเอ้าท์ออกจากที่ประชุม เนื่องจากไม่พอใจที่นายบิน ฮัมมัม ถูกกลั่นแกล้งจากผู้ใหญ่ในฟีฟ่าจนกลายเป็นเกมทางการเมือง
หลังจากมีการเปิดโปงเรื่องการทุจริตภายในฟีฟ่ามาตลอดช่วง 1 เดือนกว่าๆ ที่ผ่านมา ทำให้ผู้สนับสนุนรายใหญ่ของฟีฟ่า ไม่ว่าจะเป็น บริษัทเครื่องดื่ม, บริษัทเสื้อผ้ากีฬา, บริษัทบัตรเครดิตระดับโลก ต่างทบทวนท่าที และอาจจะเป็นไปได้ว่าจะขอถอนตัวจากการเป็นผู้สนับสนุนของฟีฟ่า ถ้าฟีฟ่าไม่สามารถลบล้างภาพลักษณ์ที่กลายเป็นข้อสงสัยของแฟนบอลทั่วโลก
ด้านผู้สัญทัศน์กรณีต่างประเทศหลายคนวิจารณ์ว่า ปรากฏการณ์นี้เป็นเหมือนสึนามิที่ถล่มใส่ฟีฟ่า เพราะว่าที่ผ่านมาไม่เคยมีการเลือกตั้งครั้งไหนที่มีการแข่งขันสูงเช่นนี้ และที่ผ่านมายังไม่เคยมีผู้นำฟีฟ่าคนใดถูกรื้อเบื้องหลังการทำงานมากเท่ากับนาย แบล็ตเตอร์ และถ้าการเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นนายแบล็ตเตอร์ที่ได้ครองตำแหน่งต่อไปอีก 4 ปี ฟีฟ่าคงถูกตั้งคำถามต่อไปถึงการทำงาน และการบริหารเงินสนับสนุนมหาศาลที่มีเข้ามาในแต่ละปี