ทั่วโลกจัดงานฉลองปีใหม่อย่างยิ่งใหญ่
ชาวซาเมาเป็นประเทศแรกของโลก ที่ได้เฉลิมฉลองปีใหม่ โดยมีการแสดงตามวัฒนธรรมเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของพิธีฉลอง เพื่อสร้างกำลังใจและขับไล่สิ่งชั่วร้าย ซึ่งเมื่อปี 2553 ซาเมายังเป็นประเทศสุดท้ายที่ได้ฉลองปีใหม่ แต่หลังขอเปลี่ยนเขตเวลามาตรฐานโลกเมื่อปีที่แล้ว (55) ทำให้ตอนนี้ซาเมากลายเป็นหนึ่งในประเทศแรก ๆ ของโลก ที่ได้ฉลองปีใหม่ก่อนใคร
โดยนายกรัฐมนตรีประเทศซาเมา อ่านสาส์นปีใหม่ทักทายและอวยพรปีใหม่ประชาชน รวมทั้งใช้โอกาสนี้กล่าวถึงความเหมาะสมในการเปลี่ยน เขตเวลามาตรฐานโลก ว่าเพื่อให้สอดคล้องกับทั้งนิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย ซึ่งมีชาวซาเมากว่าครึ่ง ไปทำงานอยู่ที่นั่น
ส่วนที่ประเทศนิวซีแลนด์ มีการจุดพลุเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่เป็นประเทศแรก ๆ ของโลก โดยมีการจุดพลุกันที่อาคารอ๊อคแลนด์ สกาย ทาวเวอร์ อาคารสูง 328 เมตร สูงที่สุดในซีกโลกใต้ ในนครอ็อคแลนด์ เมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศ ในเวลาเที่ยงคืนตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับ 18.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย
ส่วนที่ออสเตรเลีย ก็เป็นประเทศหลัก ๆ ที่เข้าสู่ปีใหม่ไปเรียบร้อยเมื่อเวลา 20.00 น. ตามเวลาไทย ก็มีการจุดพลุเฉลิมฉลองอย่างตระการตา เช่นเดียวกับทุกปี ที่สะพานฮาเบอร์ ในนครซิดนีย์ ปีนี้มีการจุดพลุรวมถึง 7 ตัน ทั้งบนสะพานฮาร์เบอร์และอาคารสูงอีก 7 แห่งโดยรอบ คิดเป็นมูลค่า 6 ล้าน 6 แสนเหรียญออสเตรเลียหรือกว่า 200 ล้านบาท เจ้าหน้าที่คาดว่ามีผู้คนราว 1 ล้าน 5 แสนคน มาร่วมชมความงดงามของพลุปีใหม่ในปีนี้ (56)
ที่เกาหลีเหนือ ปีนี้ (56) มีการจัดงานนับถอยหลังสู่ปีใหม่เช่นเดียวกัน โดยพิธีจัดขึ้น ณ จตุรัสกลางกรุงเปียงยาง มีทั้งการแสดงทางวัฒนธรรม และการจุดพลุเฉลิมฉลองตระการตา
ส่วนที่กรุงปักกิ่งของจีน มีการจัดงานเลี้ยงและคอนเสิร์ตเฉลิมฉลองโดยสถานีโทรทัศน์ CCTV ของรัฐบาลจีน ที่มีการถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ งานนี้นอกจากนักร้องดังของจีนแล้ว ยังมีนักร้องดังระดับโลก มาขับกล่อมชาวจีนในวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เช่น เลนน่า ลูอิส ทีมประสานเสียงฮาร์เล็ม กอสเปล ไควร์ จากสหรัฐฯ และโรแนน พาร์ค นักร้องวัย 14 ปี ที่ชนะรางวัลที่ 2 ในรายการบริเทน ก็อต ทาเลนท์ มาร่วมแสดงด้วย
ส่วนที่ฮ่องกง เข้าสู่ศักราชใหม่ไปเมื่อเวลา 23.00 น. ตามเวลาประเทศไทย และเหมือนเช่นทุกปี ที่มีการจุดพลุเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ทั้งฝั่งเกาลูนและฮ่องกง ท่ามกลางสายตาของผู้คนนับล้านคนที่มาชมการแสดงดอกไม้ไฟบริเวณอ่าววิคตอเรีย รวมทั้งชมการถ่ายทอดผ่านโทรทัศน์ โดยมีรายงานว่า ทางการทุ่มเงินถึง 1 ล้าน 6 แสนดอลล่าร์สหรัฐ ในการจัดงานนับถอยหลังสู่ปี 2013