การระบาดของเชื้อแบคทีเรียอีโคในยุโรปกำลังขยายเป็นวงกว้าง จากเยอรมนีเข้าไปในหลายประเทศ ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อแล้วถึง 1,534 คน ส่วนใหญ่อยู่ในเยอรมนี นอกจากนี้มีรายงานผู้ติดเชื้อในเดนมาร์ค อังกฤษ เนเธอร์แลนด์ ออสเตรีย ฝรั่งเศส สเปน สวิตเซอร์แลนด์และสาธารณะเชค โดยผู้ติดเชื้อในประเทศเหล่านี้ส่วนใหญ่เพิ่งเดินทางกลับจากการไปท่องเที่ยวทางภาคเหนือของเยอรมนี ส่วนยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 17 ราย โดยผู้เสียชีวิตรายล่า สุดเป็นสตรีสูงวัยอายุ 84 ปีในเยอรมนี
ด้านศูนย์ควบคุมโรคติดต่อของเยอรมนีเปิดเผยว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อที่แสดงอาการแบบเต็มขั้นในเยอรมนีเพิ่มเป็น 470 คน โดยเชื้อแบคทีเรียอีโคไลจะก่อให้เกิดอาการที่เรียกว่า เฮโมลีติก ยูเรมิค ซินโดรม หรือ เอชยูเอส (HUS) ซึ่งเป็นอาการของเม็ดเลือดแดงแตกและไตวาย
การแพร่ระบาดของเชื้อแบคทีเรียอีโคไล ส่งผลให้ยอดขายผักสดลดลงอย่างฮวบฮาบทั่วยุโรป ขณะที่รัฐบาลสเปนประกาศว่า อาจดำเนินการทางกฎหมายกับเจ้าหน้าที่ในเมืองฮัมบูร์กของเยอรมนีที่กล่าวหาว่า แตงกวานำเข้าจากสเปนเป็นต้นตอการแพร่ระบาดของเชื้ออีโคไล ส่งผลให้ผู้ส่งออกผักสดและผลไม้ของสเปนต้องสูญเสียรายได้ไปกว่า 290 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 8,700 ล้านบาท ส่วนเกษตรกรทั่วยุโรปก็ได้รับผลอย่างหนักเช่นกัน
เชื้อแบคทีเรียอีโคไลเริ่มแพร่ระบาดในเยอรมนีเมื่อเกือบ1 เดือนมาแล้ว แต่รายงานการติดเชื้อเพิ่งได้รับการเปิดเผยเมื่อกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ขณะที่นักวิทยาศาสตร์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของเยอรมนีกำลังเร่งค้นหาแหล่งที่มาของเชื้อแบคทีเรียอีโคไลที่แพร่ระบาดส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ทางภาคเหนือของประเทศ
แม้จะยังหาที่มาของเชื้อไม่พบแต่มีการตั้งข้อสังเกตว่า ผู้ที่ติดเชื้อในเยอรมนีส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว แม้ว่านักวิทยาศาสตร์ยังหาคำตอบไม่ได้ในเรื่องนี้ แต่มีทฤษฏีหนึ่งที่อาจเป็นไปได้นั่นคือ ผู้ได้รับเชื้อมักจะเป็นคนที่รักสุขภาพชอบทานผักสดและผลไม้ เพราะมีแคลอรี่ต่ำและปลอดสารพิษ
ขณะนี้หลายประเทศในยุโรปได้ดำเนินมาตรการป้องกันการระบาดของเชื้ออีโคไล ด้วยการห้ามนำเข้าแตงกวา และ สั่งเก็บแตงกวาจากแผง ขณะเดียวกันทางการได้แนะนำให้ประชาชนล้างผักผลไม้ให้สะอาด รวมทั้งล้างมือก่อนรับประทานอาหาร