หลายหน่วยงานประสานเสียงทบทวนมาตรการป้องกันอุบัติเหตุใหม่
หลังช่วง 7 วันอันตรายผ่านพ้นไปเมื่อวานนี้(2 ม.ค.) ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้สรุปจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน และพบว่าปีนี้ไม่สามารถลดจำนวนผู้เสียชีวิตให้ลดลงได้ตามเป้าหมาย ที่ต้องเสียชีวิตไม่เกิน 319 คน แต่ 7 วันที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิตมากถึง 365 คนเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 29 คน บาดเจ็บ 3,329 คนและเกิดอุบัติเหตุทั้งหมด 3,176 ครั้ง ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิม 83 ครั้ง ดัชนีความรุนแรงของการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในปีนี้ก็เพิ่มมากขึ้นด้วย เพราะในช่วงเทศกาล มีผู้เสียชีวิตคาที่มากถึงร้อยละ 68 และร้อยละ 14 เสียชีวิตระหว่างนำส่งโรงพยาบาล
"เรากำลังเผชิญกับความรุนแรงขึ้น หลักๆคือ 1.มาจากการขับเร็ว 2.อุบัติเหตุที่ไม่ได้มาจากการป้องกัน ส่วนใหญ่คือการหลับใน เคสดื่มและขับเรื่องนี้จะรุนแรงมาก ปัจจัยที่สามคือไม่ใช้อุปกรณ์ป้องกันคือไม่ใส่หมวกนิรภัยและก็ไม่คาดเข็มขัด" พล.ต.ท.สมศักดิ์ สายบัว ที่ปรึกษา รมช.กระทรวงมหาดไทย
สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุที่ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ศึกษาไว้พบว่าเกิดจากการเมาสุรา และ ขับรถเร็ว ส่วนพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิต อันดับแรกคือ ไม่สวมหมวกนิรภัย และไม่คาดเข็มขัดนิรภัย
ปีนี้จังหวัดเชียงใหม่เป็นจังหวัดที่ต้องทบทวนมาตรการการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนใหม่ เพราะเป็นจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงที่สุดถึง 141 ครั้ง และยังเป็นจังหวัด ที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงที่สุดคือ 147 คน ขณะที่จังหวัดนครปฐม ปีที่แล้วมีผู้เสียชีวิต 10 คน แต่ปีนี้ กลับติดอันดับจังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุดคือ 18 คน
ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ทำให้หลายหน่วยงานเห็นตรงกันว่า การป้องกันอุบัติเหตุทางถนนต้องปฎิบัติการให้เข้มข้นมากกว่านี้