ผบช.น.พร้อมทีมสอบสวนให้ปากคำ กมธ.ตำรวจ กรณี
คณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎรที่มีนายสมชาย โล่ห์สถาพรพิพิธ ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานได้เชิญ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.กฤษฎี เปียแก้ว ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 พ.ต.อ.กัญชล อินทราราม ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลบางนา และ เจ้าหน้าที่ตำรวจของสถานีตำรวจบางนา เพื่อสอบถามความคืบหน้ากรณีการทำร้ายร่างกายนายราเมศ รัตนะเชวง ทีมกฏหมายและรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ จนบาดเจ็บสาหัส
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ชี้แจงว่า หลังจากได้รับรายงานจากผู้ใต้บังคับบัญชได้สั่งการให้มีการสืบสวนข้อเท็จจริงและจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี โดยตั้งประเด็นการสอบสวนในทุกประเด็นที่เกี่ยวข้อง พร้อมมอบหมายให้ พล.ต.ต.อิทธิพล เป็นผู้รับผิดชอบคดีแทน ภายหลังมีการตั้งข้อสังเกตว่า ตนเองอาจมีส่วนเกี่ยวข้องในคดี ขณะเดียวกันได้กล่าวทิ้งท้ายก่อนมอบหมายให้ชุดสืบสวนชี้แจงแทนว่า หากการทำคดีมีการตั้งโจทย์ผิดคำตอบที่ได้จะไม่ถูกต้อง
พ.ต.ท.ภาสกร รัตนปนัดดา รองผู้กำกับการสืบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางนา ชี้แจงว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งประเด็นสืบสวนไว้ 4 ประเด็น คือ 1. ความขัดแย้งเรื่องส่วนตัว 2.คดีที่เคยว่าความไว้ 3. การเมือง และ 4. เหตุเฉพาะหน้าในวันที่เกิดเหตุ แต่เจ้าหน้าที่ได้ตัดประเด็นหลังออกไป เพราะจากการสอบถามพยานแวดล้อมและภาพจากกล้องวงจรปิด ไม่พบพฤติการณ์ที่จะทำให้เกิดเหตุ ส่วนอีก 3 ประเด็นต้องรอการสอบปากคำของนายราเมศ ซึ่งเบื้องต้นได้รับการติดต่อว่า พร้อมจะให้ปากคำในวันพรุ่งนี้ ( 10 ม.ค.เวลา 09.30 น.
ทั้งนี้กรรมาธิการในส่วนของฝ่ายค้าน ยืนยันว่า นายราเมศไม่ได้หลีกเลี่ยงเข้าให้ปากคำ แต่เพราะสภาพร่างกายไม่พร้อมจากการถูกทำร้าย ขณะเดียวกันตั้งข้อสังเกตว่า การที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวว่า การตั้งโจทย์ผิดอาจทำให้คำตอบที่ได้ไม่ถูกต้องนั้น ถือเป็นการส่งสัญญาณในคดีและเชื่อว่า คดีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการเมือง