ชาวสเปนประท้วงเยอรมนีที่กล่าวหาเป็นต้นตอแพร่เชื้ออีโคไล
เยอรมนีวิจัยพบเชื้อแบคทีเรียอีโคไลที่กำลังระบาดในยุโรปเป็นสายพันธุ์ที่ร้ายแรง และสามารถกลายพันธุ์ได้ ขณะที่เกษตรกรในสเปนนำแตงกวาไปทิ้งหน้าสถานกงสุลของเยอรมนี ประท้วงที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นต้นตอของเชื้อแบคทีเรีย
เกษตรกรประมาณ 50 คน นำผลไม้และผักซึ่งรวมถึงแตงกวา ไปเททิ้งหน้าสถานกงสุลของเยอรมนีในแคว้นบาเลนเซีย เพื่อแสดงความไม่พอใจที่เยอรมนีกล่าวหาว่าแตงกวาของสเปนเป็นต้นตอการระบาดของเชื้อแบคทีเรียอีโคไล จนทำให้หลายประเทศสั่งระงับการนำเข้าผักสดจากสเปน ทำให้เกษตรกรสูญเสียรายได้สัปดาห์ละมากกว่า 200 ล้านยูโร หรือกว่า 8,600 ล้านบาท และอาจทำให้คนตกงานประมาณ 70,000 คน
ผู้เชี่ยวชาญของเยอรมนีและจีนได้ร่วมกันถอดรหัสพันธุกรรมของเชื้ออีโคไลที่กำลังระบาด ในเบื้องต้นพบว่าเป็นเชื้ออีโคไลสายพันธุ์ที่ร้ายแรงมากและดื้อยาปฏิชีวนะ มีความเป็นไปได้ว่าเป็นเชื้ออีโคไลสายพันธุ์ 0104 ที่พบได้ยาก และเชื้อสายพันธุ์นี้สามารถพัฒนาตัวเองให้ระบาดในวงกว้าง แต่ว่าจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่สามารถระบุแหล่งที่มาของเชื้อได้
ตอนนี้การระบาดได้ขยายวงเพิ่มเป็น 10 ประเทศ มีผู้เสียชีวิต 18 คน ในจำนวนนี้อยู่ในเยอรมนี 17 คน อีก 1 คนเป็นชาวสวีเดนที่เคยเดินทางไปที่เยอรมนี ส่วนผู้ติดเชื้อมีมากกว่า 2,000 คน ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ 3 คนซึ่งเคยเดินทางไปที่เยอรมนี
การระบาดซึ่งยังไม่ทราบที่มาทำให้หลายประเทศระงับการนำเข้าผักจากเยอรมนีและสเปน รวมถึงประเทศในแถบยุโรปที่มีการระบาด ขณะที่รัสเซียถึงขั้นระงับการนำเข้าผักสดจากประเทศในแถบยุโรปทั้งหมด 27 ประเทศ สร้างความไม่พอใจให้สหภาพยุโรป และขอให้รัสเซียยกเลิกคำสั่งดังกล่าวเพราะเห็นว่าเป็นมาตราการที่ไม่เหมาะสม
ทั้งนี้องค์กรเพื่อสิทธิของผู้บริโภคในรัสเซียออกแถลงการณ์แนะรัฐบาลว่า รัสเซียควรจะยกเลิกคำสั่งห้ามนำเข้าผักผลไม้จากยุโรป ก็ต่อเมื่อสหภาพยุโรปสามารถพิสูจน์ให้เห็นว่า สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้แล้ว และต้องกำหนดมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดในอนาคตด้วย
องค์การอนามัยโลกให้คำเตือนเบื้องต้นในการรับประทานผักผลไม้สดว่า ควรล้างมือก่อนรับประทานหรือก่อนปรุงอาหาร และระหว่างการทำอาหารไม่ว่าจะเป็นตอนล้าง หรือตอนปรุง จะต้องแยกเนื้อสัตว์และผักผลไม้ไม่ให้ปนกัน