สั่งย้ายตำรวจพัวพันคดีค้ามนุษย์อีก 14 นาย
หลังมีคำสั่งโยกย้ายตำรวจไปแล้วก่อนหน้านี้กว่า 50 นาย ล่าสุด พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งให้ตำรวจอีก 14 นาย ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม มีผลตั้งแต่วันนี้ (11 พ.ค.) เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
สำหรับตำรวจที่ถูกโยกย้ายครั้งนี้มีตั้งแต่ระดับผู้กำกับการ ลงไปจนถึงผู้บังคับหมู่ ในพื้นที่ จ.ระนอง พังงา สตูล และตำรวจตระเวนชายแดน ซึ่งคาดว่า ทั้งหมดเกี่ยวข้องกับการปล่อยปละละเลยและมีความเชื่อมโยงกับขบวนการลักลอบขนแรงงานชาวโรฮิงญาผิดกฎหมาย
ส่วนความคืบหน้าในการปฏิบัติการกวาดล้างขบวนการค้ามนุษย์ ศาลได้อนุมัติหมายจับเครือข่ายแล้ว 49 คน ควบคุมตัวได้แล้ว 15 คน มีทั้งจับตัว เข้ามอบตัว และอายัดตัว เหลือผู้ต้องหาที่ยังหลบหนี 34 คน
ล่าสุดตำรวจได้จับกุมตัวนายอาบู ฮะอุรา อายุ 54 ปี สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล เขต 2 อำเภอควนโดน 1 ในผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ และขณะนี้ได้ควบคุมตัวไปสอบสวนที่สถานีตำรวจภูธรปาดังเบซาร์ เพื่อขยายผลต่อไป
พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า การปฏิบัติการระดมค้นหาผู้อพยพบนเทือกเขาแก้ว เขตรอยต่อ อ.หาดใหญ่ กับ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถช่วยเหลือกลุ่มผู้อพยพจำนวน 240 คน มีทั้งชาวโรฮิงญา บังกลาเทศ และ เมียนมา ขณะนี้ได้คัดแยกไปไว้ที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวที่ว่าการอำเภอรัตภูมิ 152 คน ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างรอคัดแยกไปไว้ตามสถานที่พักพิงชั่วคราวต่าง ๆ
เบื้องต้น จากการสอบสวนกลุ่มผู้อพยพ ได้ชี้ตัวกลุ่มนายหน้าค้ามนุษย์ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้คุม 4 คน แฝงตัวปะปนมาในกลุ่มผู้อพยพ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปควบคุมไว้ รอการสอบสวนขยายผล
ด้าน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ผู้บัญชาการทหารบก ได้มอบนโยบายให้กองทัพภาคที่ 4 กำหนดพื้นที่ปฏิบัติสำคัญ โดยพิจารณาพื้นที่ล่อแหลมต่อการถูกนำไปใช้เป็นที่พักชั่วคราว ซึ่งเบื้องต้นมี 5 พื้นที่เป้าหมาย ได้แก่ อ.นาทวี , อ.สะเดา จ.สงขลา และอำเภอเมือง อ.ควนโดน และ อ.ท่าแพ จ.สตูล โดยกองทัพภาคที่ 4 ได้ใช้กำลัง จาก 3 ฝ่าย ทั้งทหาร ตำรวจ และพลเรือน เริ่มเข้าปฏิบัติการแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งให้ทุกหน่วย กำหนดมาตรการเฝ้าตรวจเส้นทางถนน โดยเฉพาะเส้นทางที่คาดว่าใช้เพื่อขนย้ายตั้งแต่ จ.ระนอง จ.สงขลา และ จ.สตูล พร้อมทั้งขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันบูรณาการด้านการข่าวให้เกิดประโยชน์ต่อการนำไปสู่การบังคับใช้กฎหมาย เพื่อดำเนินการกับผู้ค้ามนุษย์อย่างจริงจัง