ร.ต.อ.เฉลิม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ตำรวจเรียกรับเงินแต๊ะเอียในช่วงเทศกาลตรุษจีน ว่า พฤติกรรมการเรียกรับผลประโยชน์ถือว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม และหากพบว่ามีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมอย่างรุนแรงอาทิ กรรโชกทรัพย์ ซึ่งอาจเข้าข่ายผิดวินัยร้ายแรงและอาจถูกให้ออกจากราชการ แต่กรณีการให้เงินแต๊ะเอียซึ่งมีมาอย่างนยาวนานและเป็นน้ำใจที่ผู้ประกอบการซึ่งเป็นชาวไทยเชื้อสายจีนจะมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตามเทศกาลซึ่งเป็นเรื่องของน้ำใจแต่การเรียกรับผลประโยชน์นั้นถือว่าไม่เหมาะสม
ร.ต.อ.เฉลิม ยังระบุว่า กรณีการเรียกรับผลประโยชน์นี้ถือว่าส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของตำรวจ แม้ว่าตำรวจส่วนใหญจะปฏิบัติหน้าที่อย่างดีตรวจจับยาเสพติด ลดปัญหาอาชญากรรมได้ แต่พฤติกรรมของตำรวจส่วนน้อยที่เรียกรับผลประโยชน์นี้ก็ทำให้ตำรวจถูกมองแง่ที่ไม่ดีนัก และกรณีนี้เป็นความผิดเฉพาะตัวแต่มีการอ้างนายตำรวจระดับสูงก็เพื่อหวังเรียกรับผลประโยชน์ซึ่งยืนยันว่าไม่มีนายตำรวจเกี่ยวข้อง ซึ่งได้กำชับให้มีความเข้มงวดในเรื่องนี้มากขึ้น
"หากมีการประกาศเคอร์ฟอวแลเวผู้ที่ก่อความไม่สงบได้รับผลกระทบ ก็รู้สึกยินดี แต่หากประกาศแล้วคนบริสุทธิ์ได้รับผลกระทบหรือเดือดร้อนก็ไม่ควรประกาศ"
ทั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวถึง การประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ยังต้องหารือภายในที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) ในวันที่ 15 ก.พ. นี้ เพื่อข้อหาสรุปจากการประชุมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งยืนยันว่า หากที่ประชุมมีมติไม่ประกาศเคอร์ฟิวก็ไม่รู้สึกเสียหน้า เนื่องจากเป็นการเสนอแนวทางในการแก้ปัญหา ซึ่งหากไม่มีการประกาศเคอร์ฟิวก็ยังมีแนวทางอื่นๆที่เตยมไว้สำหรับแก้ไขปัญหาในพื้นที่เพิ่มเติมแล้ว