องค์กรสื่อฯ ยื่นกสทช.จี้เลื่อนให้ใบอนุญาต 12 ช่องดิจิตอลสาธารณะ
แม้จะอยู่ในช่วงที่กสทช.อยู่ระหว่างทำกระบวนการให้ใบอนุญาตผู้ประกอบกิจการโทรทัศน์ระดบบดิจิตอล ประเภทสาธารณะ 12 ช่อง จากจำนวนช่องดิจิตอลทั้งหมด 48ช่อง
แต่ก็ถูกตั้งขอ้สังเกตจากฝ่ายต่างๆ ว่า หน่วยราชการ อาจนำไปใช้ประชาสัมพันธ์องค์กรมากจนผิดเจตรนารมย์ของการปฏิรูปสื่ออย่างแท้จริง ทำให้วันพรุ่งนี้ องค์กรวิชาชีพสื่อ จะยื่นหนังสือถึงกสทช. เพื่อขอให้เลื่อนการให้ใบอนุญาตออกไปก่อน
วันที่ 20 กุมภาพันธ์ นายวิสุทธิ์ คมวัชรพงศ์ นายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และนายก่อเขต จันทเลิศลักษณ์ ประธานสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย เดินทางไปยื่นหนังสือให้ พันเอก ดร.นที ศุกลรัตน์ ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.)และ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพื่อขอให้พิจารณาเลื่อนกรอบระยะเวลาในกระบวนการยื่นขอ และออกใบอนุญาตสถานีโทรทัศน์ดิจิทัล เพื่อสาธารณะ 12 ช่อง ออกไปก่อน และขอให้เปิดรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนก่อนออกใบอนุญาต เพื่อให้ได้มาซึ่งสถานีโทรทัศน์สาธารณะเพื่อประโยชน์สูงสุดต่อสาธารณชนอย่างแท้จริง โดยมีเนื้อหาระบุว่า ...
ตามที่ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) จะเปิดให้มีการยื่นขอใบอนุญาตประกอบกิจการสถานีโทรทัศน์ดิจิทัลเพื่อการบริการสาธารณะ จำนวน 12 ช่อง แบ่งเป็น 3 ประเภทด้วยวิธี Beauty Contest ในเดือนมีนาคม และจะพิจารณาออกใบอนุญาตในเดือนพฤษภาคม 2556 นั้น การกำหนดวิธีการยื่นขอใบอนุญาตด้วยวิธี Beauty Contest ขณะนี้สังคมยังไม่มีข้อมูลที่เพียงพอในเรื่องรายละเอียด หลักเกณฑ์ กรอบการพิจารณาในคุณสมบัติของผู้ยื่นขอและผู้ที่จะได้รับใบอนุญาตด้วยวิธี Beauty Contest
โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังไม่มีกระบวนการเปิดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะจากทุกภาคส่วนของสังคมอย่างรอบด้านและทั่วถึง เพื่อนำไปใช้เป็นหลักเกณฑ์ในการพิจารณาอย่างรอบคอบในการให้ใบอนุญาต ทั้งๆ ที่เป็นสถานีโทรทัศน์ดิจิทัลเพื่อบริการสาธารณะถึง 12 ช่อง จึงทำให้มีนักวิชาการ องค์กรสื่อและภาคประชาชน ออกมาตั้งคำถามถึงกระบวนการในการพิจารณาเพื่อออกใบอนุญาตโทรทัศน์สาธารณะดิจิทัล 12 ช่อง ว่าเป็นไปตามเจตนารมณ์ของ พระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 และ พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และการกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 หรือไม่
สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และ สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ในฐานะองค์กรวิชาชีพ ขอเรียกร้องให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) พิจารณาเลื่อนกรอบระยะเวลาในการยื่นขอ/ออกใบอนุญาตสถานีโทรทัศน์ดิจิทัลเพื่อการบริการสาธารณะทั้ง 12 ช่อง ทั้ง 3 ประเภท ออกไปก่อน จนกว่าจะมีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนของสังคมอย่างเพียงพอ โดยจะต้องเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนของสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ เพื่อให้เป็นไปตามหลักการของการเป็นสถานีโทรทัศน์เพื่อบริการสาธารณะอย่างแท้จริง และเพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 และ พระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551
สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และ สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ความคิดเห็น ข้อเสนอ และข้อเรียกร้องในประเด็นดังกล่าวจะได้รับการพิจารณาและปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้การออกใบอนุญาตสถานีโทรทัศน์สาธารณะดิจิทัล 12 ช่อง มีความสมบูรณ์และถูกต้องตามเจตนารมณ์ของการปฏิรูปสื่อและการจัดสรรคลื่นความถี่ที่โปร่งใสและเป็นธรรมต่อไป
พันเอกนที ระบุว่า โดยหลักกฎหมายแล้ว สามารถให้หน่วยราชการครอบครองช่องสาธารณะได้ หากให้บริการสาธารณะ ซึ่งการพิจารณาหากจะต้องเลื่อนให้ใบอนุญาตช่องสาธารณะ ก็อาจส่งผลกระทบต่อการประมูลช่องธุรกิจ 24 ช่อง และให้ใบอนุญาตช่องชุมชนอีก 12 ด้วย เพราะได้กำหนดทามไลน์เอาไว้แล้ว โดยกลุ่มช่องสาธารณะจะเป็นกลุ่มแรกที่กสทช.ตั้งใจให้ใบอนุญาต ซึ่งหากกลุ่มแรกกระทบ ก็จะทำให้ตารางเวลาทั้งหมดเลื่อนออกไปด้วย แต่ประเด็นที่องค์กรสื่อฯ เสนอมา ก็จะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง (กสท.) ของกสทช. ให้เร็วที่สุด แต่ไม่แน่ใจว่าจะทันวันจันทร์ที่จะถึงหรือไม่