5 ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. ประชันวิสัยวิสัยทัศน์โค้งสุดท้าย
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า แม้กรุงเทพฯจะศักยภาพในการพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางการค้า การลงทุนในระดับนานาชาติ รวมถึงด้านการท่องเที่ยว และศิลปะก็ตาม แต่จะต้องไม่ลืมการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนระดับล่าง ทั้งนี้ เห็นว่าการจัดตั้งสภาประชาชนนั้น จะต้องไม่ใช่พื้นที่ในการสร้างความขัดแย้งเพิ่มขึ้นอีก ดังนั้น ควรดำเนินการด้วยความรอบคอบ จึงจะทำให้ประสบความสำเร็จ
ด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้สมัครอิสระ กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเป็นพรรคอิสระการทำงานจึงคล่องตัวกว่า โดยให้ กทม.มีงบประมาณในการบริหารจัดการมากขึ้น ด้วยการย้ายคนที่ใช้ชีวิตใน กทม.ย้ายเข้ามาอยู่ในทะเบียนราษฎร์ของกทม. เพื่อรับงบประมาณจากรัฐบาลมากขึ้น ขณะที่การทำงานร่วมกับภาคประชาชน โดยระบุว่ามีนโยบายในการให้ภาคประชาชน และสื่อมวลชนเข้ามาตรวจสอบ และควบคุมการทำงาน
ส่วนนายโฆสิต สุวินิจจิต ผู้สมัครอิสระ กล่าวว่า การไม่สังกัดพรรคการเมืองจะส่งผลให้การทำงานมีความอิสระ และคล่องตัวมากขึ้น เนื่องจากสามารถประสานงานได้ทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน โดยเฉพาะการให้ประชาชนในแต่ละเขตมีส่วนร่วมในการกำหนดยุทธศาสตร์ขร่วมกัน และสามารถทำได้ทันที โดยใช้หลักการบริหารแบบเอกชนมากกว่าการเมือง
ขณะที่ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่จะทำให้ กทม.เป็นมหาครแห่งอาเซียน นอกจากการแก้ไขปัญหาพื้นฐาน เช่น อาชญากรรม สิ่งแวดล้อม ปัจจัยสำคัญคือการทำงานร่วมกับรัฐบาลอย่างไร้รอยต่อ เพื่อประโยชน์ในการประสานงาน ทั้งนี้ ผู้ว่าฯกทม.ต้องมีนโยบายในภาพรวมที่ดูแลได้ทั้งคนที่มี และไม่มีทะเบียนบ้านใน กทม. รวมถึงจะต้องบูรณาการคนจากทุกภาคส่วนให้เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น
ด้านนายสุหฤท สยามวาลา ผู้สมัครอิสระ กล่าวว่า ภาคประชาชน และภาคราชการ ทั้ง 2 ส่วนจะต้องทำงานประสานกันได้เป็นอย่างดี รวมถึงภาครัฐจะต้องทำงานกับเอกชนอย่างเป็นอาชีพ นอกจากนี้ เสนอว่าควรมีการลงทะเบียนคนไร้บ้านเพื่อเข้าสู่ระบบ และเข้าถึงบริการของราชการ ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะผลักดันการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนให้มากที่สุด โดยเฉพาะสภาพลเมือง เนื่องจากตัวเองมาจากการสนับสนุนของประชาชนอย่างแท้จริง