ประวัติ
กลายเป็นคนหน้าใหม่ทางการเมือง ด้วยภาพลักษณ์ "คิดบวก-ไร้ความขัดแย้ง" ทันที เมื่อ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ตัดสินใจลาออกจากข้าราชการตำรวจระดับสูง ในตำแหน่ง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และเข้าสวมเสื้อพรรคเพื่อไทย โดยมีการขีดเส้นชี้ขาดให้เป็นผู้สมัครลงรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ในนามของพรรคและกำหนดแนวนโยบาย รวมถึงยุทธศาสตร์การหาเสียงไว้ให้พร้อมแล้ว
พล.ต.อ.พงศพัศ เดิมชื่อ ไพรัช พงษ์เจริญ เป็นคนจันทบุรี มีวุฒิทางการศึกษาสูงสุดในระดับปริญญาเอก ด้านอาชญาวิทยา จากสหรัฐอเมริกา ด้วยทุนจากสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน พล.ต.อ.พงศพัศ รับราชการตำรวจครั้งแรกในบทบาท นายเวรติดตาม พล.ต.อ.แสวง ธีระสวัสดิ์ ต่อมาได้รับการแต่งตั้งให้เป็น ผู้บังคับการศูนย์คอมพิวเตอร์ตำรวจ, ผู้บังคับการกองสารนิเทศ ของกรมตำรวจ, รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
แต่ความโดดเด่นกับเป็นบทบาทที่รับหน้าที่เป็น โฆษกของกรมตำรวจ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า "นายตำรวจนักพีอาร์" หรือ "ดาราสีกากี" หรือ "จูดี้อีเว้น" โดยเฉพาะการรู้จักกับบทบาทที่เคยเข้าไปช่วย แก้ปัญหาหนี้นอกระบบให้กับสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า "บ้านครูน้อย"
หรือกรณีที่เข้าไปช่วยเหลือและเสียค่าปรับ กรณีเด็กที่ขโมยซาลาเปา 2 ลูกในห้างดังมาเลี้ยงน้องที่อดอยาก หรือกรณีที่ยื่นมือเข้าไปช่วยลูกจ้าง กทม. ทำหน้าที่พนักงานเก็บขยะซึ่งถูกจับคดีลิขสิทธิ์นำแผ่นซีดีเก่าจากถังขยะไปวางขายที่ตลาดนัด และแน่นอนว่า โครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจ นับเป็นโลโก้สำคัญของ พล.ต.อ.พงศพัศในฐานะผู้ริเริ่ม ก่อนจะรู้จัก โครงการชุมชนอุ่นใจได้ลูกหลานกลับคืน
ตลอดการหาเสียง พล.ต.อ.พงศพัศ ถูกรื้อฟื้นอดีต ด้วยคดีขโมยวิทยุสื่อสารที่สหรัฐฯเมื่อปี 2523 และมีคำถามเรื่องการเปลี่ยนชื่อ มีข้อครหาว่าเกี่ยวข้องกับคดีบิ๊กขี้หลีในอดีต รวมถึงข้อกล่าวหาว่าเป็นหนึ่งในผู้ลงนามทีโออาร์โครงการก่อสร้างโรงพักทดแทนทั่วประเทศ รวมถึงข้อสังเกตว่า หนึ่งในนายตำรวจที่ถูกมองว่า ใกล้ชิดนายใหญ่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แบบ "มีวันนี้เพราะพี่ให้"