ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

วิจัยพบ ติดบุหรี่ ป่วย-ตาย ติดบุหรี่ป่วยตาย แบกรายจ่ายอื้อ

สังคม
5 มี.ค. 56
07:46
190
Logo Thai PBS
วิจัยพบ ติดบุหรี่ ป่วย-ตาย ติดบุหรี่ป่วยตาย แบกรายจ่ายอื้อ

ชี้เกิดภาระที่ผู้ป่วยและรัฐต้องแบกรับค่าใช้จ่ายต่างๆ ถึง 5 หมื่นล้านบาทต่อปี เกือบครึ่งป่วยจากการสูบยาเส้น หนุนรัฐเก็บภาษียาเส้นพันธุ์พื้นเมือง อย่าปล่อยให้สูบแพร่หลาย

 เมื่อวันที่ 5 มีนาคม ที่โรงแรมรามาการ์เด้นท์ กรุงเทพฯ ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมการยาสูบ (ศจย.) สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)  ร่วมกับ สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ  กระทรวงสาธารณสุข  มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่  แถลงเรื่อง  “ภาระโรคและต้นทุนที่สูญเสียจากการสูบบุหรี่” 

 
โดย ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่  กล่าวว่า  การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุของการเจ็บป่วยและเสียชีวิตที่ป้องกันได้ที่สำคัญที่สุดของมนุษย์  โดยในแต่ละปีมีผู้เสียชีวิตจากโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ทั่วโลก 5.4  ล้านคนและเสียชีวิตจากการได้รับควันบุหรี่มือสอง 6 แสนคน  โดยในจำนวนโรคที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิต 8 อันดับแรกมีถึง 6 โรคที่มีสาเหตุเกี่ยวข้องกับการสูบบุหรี่  ตามแนวโน้มการสูบบุหรี่ที่เป็นอยู่ทั่วโลกในขณะนี้  จำนวนผู้เสียชีวิตจากการสูบบุหรี่จะเพิ่มขึ้นเป็น 8  ล้านคนต่อปีใน ค.ศ. 2030 
 
สำหรับประเทศไทยมีคนไทยเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ในปี พ.ศ.2547  45,136  คน  และในปี พ.ศ.2552  50,710  คน  ซึ่งเซอร์ริชาร์ด  ปีโต  แห่งมหาวิทยาลัยออกฟอร์ด เคยประมาณการณ์ว่า  จำนวนคนไทยที่เสียชีวิตจากการสูบบุหรี่จะเพิ่มขึ้นเป็น 8 หมื่นคนต่อปี  ตามแนวโน้มจำนวนผู้สูบบุหรี่ที่มีอยู่และประชากรที่สูบบุหรี่ของไทยมีอายุเพิ่มขึ้น  ในประเทศสหรัฐอเมริกามีผู้เสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ปีละ 443,000  คนและก่อให้เกิดการสูญเสียทางเศรษฐกิจปีละ 203 พันล้านดอลลาร์ หรือเท่ากับหกล้านเก้าหมื่นล้านบาท หรือประมาณ 3 เท่าของงบประมาณประเทศไทยในแต่ละปี
 
โดย  ดร.ทพญ.กนิษฐา บุญธรรมเจริญ  หัวหน้าแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาดัชนีประเมินภาระโรคและสุขภาพประชากรไทย  เปิดเผยข้อมูล  จากการศึกษาภายใต้แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาดัชนีประเมินภาระโรคและสุขภาพประชากรไทย  ซึ่งมีการประมาณการว่าประเทศไทยสูญเสียทางเศรษฐศาสตร์จากโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ในปี พ.ศ.2552  เป็นเงิน 52.2 พันล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 0.5 % ของ GDP   โดยในจำนวนนี้คิดเป็นค่าใช้จ่ายโดยตรงทางการแพทย์ 10,137 ล้านบาท  หรือประมาณ 20 %   ค่าใช้จ่ายโดยอ้อมทางการแพทย์  1,063 ล้านบาท หรือประมาณ 2 %  
 
นอกจากนี้การที่ผู้ป่วยต้องขาดงานทำให้เกิดการสูญเสียผลิตภาพ  370 ล้านบาท (0.7%)   ผู้ดูแลผู้ป่วยขาดงานทำให้สูญเสียผลิตภาพอีก 147 ล้านบาท (0.3%)    การสูญเสียผลิตภาพจากการตายก่อนวัยอันควร 40,464 ล้านบาท (77%)   โดยค่าใช้จ่ายที่เกิดจากความสูญเสียทางเศรษฐกิจนี้คิดเป็น 13%  ของค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพทั้งหมด  
 
เมื่อคำนวณปีสุขภาวะที่สูญเสียจากการสูบบุหรี่ พบว่า ผู้สูบบุหรี่เสียชีวิตก่อนวัยอันควรเฉลี่ย 12 ปี การสูบบุหรี่ทำให้คนไทยสูญเสียปีสุขภาวะจากการตายก่อนวัยอันควร 628,061 ปี  และสูญเสียปีสุขภาวะจากการป่วยและความพิการ 127,148 ปี  ซึ่งข้อมูลนี้ชี้ให้เห็นถึงภาระที่ผู้ป่วยและรัฐบาลต้องแบกรับค่าใช้จ่ายต่างๆ ตลอดจนความสูญเสียจากโรคอันเนื่องมาจากการสูบบุหรี่และสัมผัสควันบุหรี่
 
ด้าน ดร.ศิริวรรณ พิทยรังสฤษฏ์  ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.)  มหาวิทยาลัยมหิดล ชี้ว่า การสูญเสียทางเศรษฐศาสตร์จากโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ 5 หมื่นล้านบาท นั้นเกิดจากการเจ็บป่วยของทั้งผู้ที่สูบบุหรี่ซิกาแรต และบุหรี่มวนเอง โดยสัดส่วนของผู้สูบบุหรี่มวนเองมีมากถึงร้อยละ 46.5 ของผู้สูบบุหรี่ทั้งหมด ซึ่งรัฐเก็บภาษีจากบุหรี่มวนเองน้อยมากในขณะที่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลเกือบครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ 
 
ที่สำคัญคือบุหรี่มวนเองที่ทำจากยาสูบพันธุ์พื้นเมืองได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี ดังนั้นรัฐบาลควรนำยาสูบพันธ์พื้นเมืองเข้าสู่ระบบภาษีอย่างเร่งด่วน โดยให้ผู้ประกอบการยาเส้นเป็นผู้เสียภาษี ไม่ให้เป็นภาระกับเกษตรกร ซึ่งทำได้โดยการแก้ไข พรบ.ยาสูบ พ.ศ.2509 ด้วยการออกพระราชกำหนด 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง