โฆษก ก.ต่างประเทศย้ำไทยให้ความเป็นธรรม 3 สายลับ
สายลับทั้ง 3 คนยังคงถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำอำเภอกันทรลักษ์ โดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศยืนยันจะได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม ขณะที่กงสุลใหญ่ประเทศกัมพูชา ประจำจังหวัดสระแก้ว ได้ขอข้อมูลเพิ่มเติมจากทางการไทย เพื่อช่วยเหลือชาวกัมพูชาที่ถูกควบคุม
นายอึ้ง กิมไทย ชาวกัมพูชาที่ถูกตำรวจ สภ.กันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ จับกุมข้อหาเป็นสายลับ ในความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศไทย ถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ระหว่างพบกับนายเมน วันนา กงสุลใหญ่กัมพูชา ประจำจังหวัดสระแก้ว ซึ่งเดินทางเข้าเยี่ยมภายในเรือนจำอำเภอกันทรลักษ์ ตลอดเวลาที่พุดคุยกัน นายอึ้งมีสีหน้าเคร่งเครียด
หลังใช้เวลาเข้าเยี่ยมประมาณ 45 นาที กงสุลใหญ่กัมพูชาได้เดินทางกลับ โดยไม่ให้สัมภาษณ์ บอกเพียงว่าเป็นการเข้าเยี่ยมตามสิทธิและขอรายละเอียดเพิ่มเติมเท่านั้น
ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศยืนยันว่า ทั้ง 3 คนได้เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายของไทยแล้ว และยืนยันว่าจะได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม
ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ทางการไทยจะยังไม่ส่งตัวผู้ต้องหากลับประเทศ เพราะต้องดำเนินคดีตามกฎหมายไทยก่อน เนื่องจากพบหลักฐานเป็นแผนที่เกี่ยวกับจุดยุทธศาสตร์หลายอย่าง โดยจะแจ้งให้กัมพูชาทราบว่า ไทยไม่ยอมรับการกระทำในลักษณะนี้ ส่วนจะใช้ต่อรองให้ปล่อยตัวนายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ แกนนำกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ หรือไม่ อยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียด โดยเฉพาะการเข้ามาดำเนินการของสายลับกัมพูชา
นายกรัฐมนตรีย้ำว่า การจับกุมสายลับกัมพูชาครั้งนี้ จะเป็นเครื่องพิสูจน์ต่อนานาชาติว่า ไทยไม่เคยรุกรานกัมพูชาตามที่กัมพูชากล่าวอ้าง โดยจะส่งเรื่องนี้ให้คณะกรรรมการมรดกโลกและศาลโลกพิจารณาด้วย
เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทหารกองกำลังสุรนารี ร่วมกับตำรวจ สภ.กันทรลักษ์ จับกุมชาวไทย กัมพูชา และเวียดนาม รวม 3 คน พร้อมแผนที่แสดงรอยต่อระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา, เทปบันทึกเสียง และโทรศัพท์มือถือ จำนวน 5 เครื่อง ขณะขับรถตระเวนบริเวณถนนสายกันทรลักษ์-เขาพระวิหาร ซึ่งเจ้าหน้าที่ระบุว่าทั้งหมดเข้ามาสอดแนมฐานที่ตั้งปืนใหญ่ และการก่อสร้างหลุมหลบภัยในหมู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา จากการสอบปากคำนายสุชาติ มูฮำหมัด ผู้ต้องหาชาวไทยเพิ่มเติม ทราบว่า รับจ้างจากนายวันชัย ชาวกัมพูชา เพื่อขับรถให้กับผู้ต้องหา 2 คน ซึ่งตำรวจได้แจ้งข้อหาร่วมกันกระทำใดๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งความลับสำหรับความปลอดภัยของประเทศ
อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจมีข้อมูลยืนยันว่า ผู้ต้องหาที่เป็นสายลับกัมพูชา-เวียดนามลักลอบเข้ามาในเขตแดนไทย เพื่อหาพิกัดฐานที่ตั้งทหารไทย และที่ตั้งของหมู่บ้านชุมชนตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา แต่ทราบว่า ยังคงมีหัวหน้ากลุ่มหลบหนีการควบคุมตัวไปได้ 2 คน