ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

แพทย์เตือนอย่าซื้อไวอากร้ารับประทานเอง

12 มิ.ย. 54
13:30
136
Logo Thai PBS
แพทย์เตือนอย่าซื้อไวอากร้ารับประทานเอง

อาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศเป็นอาการหนึ่งที่มักเกิดขึ้นกับผู้ที่มีโรคประจำตัวและมีความเครียดโดยเฉพาะผู้ชายที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ล่าสุด มีข่าวว่าตำรวจมารักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศที่โรงพยบาลตำรวจเป็นจำนวนมากจนยาไวอากร้าขาดแคลน แต่นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจปฏิเสธข่าวนี้ คุณพิมพ์นารา อรุณโน ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอสไดัไปสัมภาษณ์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ซึ่งยอมรับว่าปัญหาใหญ่ในปัจจุบัน คือผู้ที่มีอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศขาดความรู้เรื่องวิธีการรักษา และไม่กล้าไปพบแพทย์

นี่คือยาไวอากร้าที่คนส่วนหนึ่งรู้จักกันดีว่าเป็นยารักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศยาชนิดนี้มีสารซิลเดนาฟิล 1 ใน 3 ชนิดที่ทางการแพทย์ใช้ในการรักษา ซึ่งอีก 2 ชนิดคือ วาร์ดีนาฟิล และทาดาลาฟิล โดยจะออกฤทธิ์ในระยะเวลาที่ต่างกัน ซึ่งยาเหล่านี้แพทย์จะเป็นผู้สั่งให้กับผู้ป่วยเท่านั้น เพราะว่าอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศมักเกิดกับผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป และมีโรคประจำตัว อย่างความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเส้นเลือดสูง และโรคระบบประสาท หากซื้อยารับประทานเองอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

หลังมีกระแสข่าวว่าแพทย์คนหนึ่งในโรงพยาบาลตำรวจปรุงยาขึ้นใหม่ 2 ชนิดคือยาอมใต้ลิ้น และยาทาที่ชื่อเลิฟโลชั่น เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนไวอากร้าในโรงพยาบาลตำรวจ เพราะมีตำรวจมารักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศจำนวนมาก แต่นายแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจปฏิเสธว่า ยาไวอากร้าไม่ได้ขาดแคลนในโรงพยาบาลตำรวจ และยาที่แพทย์ปรุงขึ้นไม่มีจำหน่ายในโรงพยาบาล เพราะว่ายังไม่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหาร และยา

แต่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศอธิบายว่าอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศเกิดขึ้นได้กับคนหลายอาชีพ โดยเฉพาะอาชีพที่มีความเครียด และต้องเข้าเวรเป็นประจำ แพทย์จึงแนะนำว่า วิธีแก้ไขอย่างหนึ่งคือ ไม่ควรคิดเรื่องงานขณะอยู่บ้าน ขณะที่ผลสำรวจของแพทย์ ระบุว่าชายไทยอายุ 40 - 70 ปี มีอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศถึงร้อยละ 42 แต่มีผู้ชายที่ยอมไปพบแพทย์เพื่อรักษาเพียงร้อยละ 3 ซึ่งตรงกับความเห็นของคนไข้ชายคนหนึ่งที่มารับการรักษาโรคอื่นในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์

อาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศยังสามารถเกิดกับผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงคือสูบบุหรี่ และดื่มสุรา แต่ปัญหาใหญ่ในปัจจุบันคือ ผู้ที่มีอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศไม่กล้าไปพบแพทย์ และขาดความรู้ในเรื่องนี้อย่างมาก ทั้งที่การรักษาโดยแพทย์ตั้งแต่ต้นจะแก้ปัญหาได้ง่ายกว่าผู้ที่รักษาผิดวิธี และถ้าทุกคนดูแลสุขภาพด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายเป็นประจำอาจจะไม่ต้องรับประทานยา และหายจากขาดจากอาการนี้ได้
 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง