กองบัญชาการทหารสูงสุดของเกาหลีเหนือ ออกแถลงการณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์ของทางการ เตือนสหรัฐฯว่าเกาหลีเหนือมีเครื่องมือที่สามารถโจมตีฐานทัพสหรัฐฯบนเกาะกวม และฐานนาวิกโยธินสหรัฐบนเกาะโอกินาว่าของญี่ปุ่น ที่เป็นฐานเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ของสหรัฐได้อย่างแม่นยำ
การข่มขู่ครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือเป็นการแสดงความไม่พอใจ หลังมีรายงานยืนยันว่าาสหรัฐฯนำเครื่องบินทิ้งระเบิดบี-52 ที่มีศักยภาพทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ บินผ่านคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการซ้อมรบร่วมประจำปีระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐฯ
แถลงการณ์นี้มีขึ้นท่ามกลางความสงสัยที่เพิ่มสูงในเกาหลีใต้ว่า เกาหลีเหนืออาจอยู่เบื้องหลังการโจมตีไซเบอร์จนเซิร์ฟเวอร์ของสถานีโทรทัศน์ระดับประเทศ YTN, MBC และ KBS รวมทั้งธนาคารขนาดใหญ่อีก 2 ใช้การไม่ได้เมื่อวานนี้ (20 มี.ค.)
ซึ่งเมื่อช่วงเช้า ประธานคณะกรรมาธิการด้านการสื่อสารของเกาหลีใต้ แถลงข่าวความคืบหน้าในการสืบสวนสอบสวน โดยระบุว่าจากการตรวจสอบเซิรฟ์เวอร์ของธนาคารนองฮับ พบมีการส่งมัลแวร์ฝังให้คอยผลิตไฟล์อันตรายไว้ในเซิร์ฟเวอร์ที่ควบคุมการอัพเดทข้อมูลต่างๆของธนาคาร และเมื่อแกะรอยต่อไป เจ้าหน้าที่สามารถระบุเลขที่ไอพี แอดเดรสของมือแฮค ว่ามีที่มาจากประเทศจีน
สำนักข่าวยอนฮับ รายงานอ้างเจ้าหน้าที่ที่ไม่เปิดเผยตัว ว่าการสืบพบไอพี แอดเดรสจากประเทศจีน เป็นเหมือนเครื่องบ่งชี้ ว่าเกาหลีเหนืออยู่เบื้องหลังการโจมตีไซเบอร์ครั้งนี้ เนื่องจากการโจมตีทางไซเบอร์ที่เกาหลีเหนือเคยลงมือครั้งที่ผ่าน ๆ มา ก็มีการสาวต้นตอพบว่าใช้ไอพีที่ประเทศจีนเช่นกัน
การโจมตีเมื่อวานนี้ทำให้เครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ของบริษัทขนาดใหญ่ล่มถึง 6 บริษัท กระทบคอมพิวเตอร์ 32,000 เครื่อง และมีการประเมินว่าต้องใวลาอีกอย่างน้อย 5 วันจึงจะฟื้นระบบการทำงานของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้อย่างสมบูรณ์ เหตุโจมตีไซเบอร์ที่เกิดขึ้น ทำให้กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ ต้องยกระดับการเตือนภัยด้านสารสนเทศจากระดับ 4 ขึ้นเป็นระดับ 3 และเฝ้าระวังตลอดเวลา
ด้านโฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน ไม่เห็นด้วยกับข้อกล่าวหาว่าเกาหลีเหนืออยู่เบื้องหลังการโจมตีไซเบอร์บริษัทของเกาหลีใต้ โดยระบุว่าการแฮคระบบ เป็นปัญหาระดับโลก และผู้ก่อเหตุนิรนามก็มักใช้ไอพี แอดเดรสของประเทศอื่นในการพรางตัว