วานนี้ (4 เม.ย.) นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังโพสต์เฟซบุ๊ค "Korn Chatikavanij" ถึงกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รายมาตราว่า จะนำไปสู่การปิดช่องทางและลดบทบาทกระบวนการตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจโดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 และมาตรา 190 ดังนี้
ประชาธิปไตย = คะแนนนิยม + ความถูกต้อง
จะอ้างเสียงข้างมากอย่างเดียวไม่ได้ (เพื่อไทย)จะอ้างความถูกต้องอย่างเดียวก็ไม่มีประโยชน์ (ประชาธิปัตย์) จะใช้อำนาจได้ต้องมีทั้งสองอย่าง และนั่นคือสาเหตุที่เราต้องไม่ยอมให้ใครใช้เสียงข้างมาก มาลดบทบาทกระบวนการตรวจสอบถ่วงดุลด้วยพฤติกรรมนักการเมืองไทยทุกพรรค ผมเชื่อว่าตรวจสอบมากเกินไป ยังดีกว่าการตรวจสอบน้อยไปหน่อย..
.
การเสนอแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ ผมมองว่าไม่ใช่เป็นการแย่งอำนาจระหว่างนักการเมือง แต่เป็นการปล้นอำนาจจากพี่น้องประชาชนโดยตรง ส่วนผิดกฎหมายหรือไม่ ผู้ยื่นฟ้องก็มีสิทธิและหน้าที่ที่จะยื่น และศาลก็มีหน้าที่พิจารณาแต่ผมขอสรุปความคิดส่วนตัวอีกครั้งครับ
แก้มาตรา 68 ตัดสิทธิประชาชนที่จะร้องเรียนต่อศาลรัฐธรรมนูญ ถ้าเป็นรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เสนอแก้อย่างนี้ ป่านนี้ 'แผ่นดินแดงลุกเป็นไฟ' แล้วครับ แต่รัฐบาลนี้ ปิดช่องเพื่อบังคับให้ประชาชนที่มีข้อขัดแย้งกับรัฐต้องไปยื่นฟ้องกับทนายของรัฐ อย่างนี้พี่น้องเสื้อแดงว่าอย่างไรครับ หรือถ้าเป็นพวกตนเองทำ อะไรก็ไม่น่าเกลียด
ส่วนมาตรา 190 ที่บอกว่าสัญญาระหว่างประเทศต้องให้รัฐสภาฯรับรอง ก็จะแก้เพื่อว่าเรื่องเศรษฐกิจไม่ต้องเอาเข้าสภาฯ รองรับการกู้เงินจากต่างประเทศตามพรบ. 2 ล้านล้านพอดี และเปิดทางให้มีการแบ่งแหล่งแก๊ซกับประเทศเพื่อนบ้านในอนาคตได้โดยรัฐสภาไม่มีสิทธิตรวจสอบอีกแล้วก็มีการแก้ให้ส.ว.มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด เพราะทักษิณมั่นใจว่า คุมเกมส์เลือกตั้งได้ และเสนอแก้กฎให้เป็นส.ว.กี่สมัยก็ได้ เพื่อจะได้เสียงสนับสนุนจากส.ว.ชุดปัจจุบันที่กำลังจะหมดวาระการเป็นวุฒิสมาชิกต่อไป...
ถ้าโชคร้ายหน่อยเราก็จะมีสภาฯบนที่เต็มไปด้วย 'ขี้ข้าทักษิณ' เหมือนอย่างที่ท่านรองนายกฯเฉลิมได้ยอมรับในสภาพของตนเองไว้
แม้แต่อังกฤษที่เขามีการพัฒนาทางการเมืองไปไกลกว่าเราหลายขุม เขายังไม่ยอมรับเลยครับว่าสภาฯบนควรมาจากการเลือกตั้งทั้งหมดเหมือนสภาฯล่าง เขาก็มีคำถามว่า มีสองสภาฯที่มีแต่คนประเภทเดียวกัน ประชาชนจะได้อะไร ไม่ต้องตามเขาก็ได้ แต่ถามว่าเขายังอยากให้มีการถ่วงดุลอำนาจนักเลือกตั้ง แล้วเราไม่ควรคิดบ้างหรือครับ?