จับตาปัจจัยหนังไทย 300 ล้าน ผ่าน
เพียงเปิดตัว 4 วันก็สร้างปรากฏการณ์รายได้กว่า 106 ล้านบาท ทำให้ พี่มากพระโขนง ขึ้นแท่นกลายเป็นภาพยนตร์ที่จะทำเงินเกิน 200 ล้านบาทเรื่องแรกของไทยเมื่อถึงสุดสัปดาห์นี้
ด้วยเนื้อหาที่หยิบเอาตำนานรักข้ามภพระหว่างผีและคน ที่ผู้ชมชาวไทยรู้จักกันดีมาสร้างในในมุมที่ต่างออกไป เน้นจับกลุ่มผู้ชมวัยรุ่นเป็นหลัก ซึ่งกระแสการระดมโปรโมทผ่านช่องทางต่างๆของค่ายหนัง และ การบอกปากต่อปากของผู้ชมทำให้หลายคนคาดว่า แม้จะไม่สามารถลบสถิติรายได้ 550 ล้านบาท สูงสุดตลอดกาลของประเทศไทยอย่าง สุริโยไท ซึ่งมีการส่งเสริมให้ชม แต่ พี่มากพระโขนง น่าจะเป็นภาพยนตร์ไทยที่ฉายแบบปกติเรื่องแรกที่ทำสถิติรายได้สูงสุดเกิน 300 ล้านบาท นอกจากกลุยุทธทางการตลาดแล้วส่วนหนึ่งยังอาจมาจากปัจจัยการคำนวณรายได้และค่าตั๋วที่แพงขึ้น
"ตอนสุริโยไทตั๋วหนังราคา 100-120 แต่วันนี้อาจจะ 160-180 จำนวนโรงก็แตกต่างกันชัดเจน ตรงนี้เป็นข้อบวกของหนังในปัจจุบัน" สุพัฒน์ งามวงศ์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด เอสเอฟ ซิเนม่าซิตี้
ในอดีตภาพยนต์ไทยสามารถทำรายได้ถึงร้อยล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการแข่งขันกันระหว่างผู้สร้างในประเทศยังมีไม่มากนัก และหนังที่ผู้ชมรอดูในรอบปีก็มีเพียงไม่กี่เรื่อง หากการขยายตัวของตลาดภาพยนตร์ในไทยและการบุกตลาดโดยภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์จากฮอลลีวู้ดซึ่งมักหนังใหม่เข้าฉายทุกสัปดาห์ ทำให้โอกาสที่ภาพยนตร์ไทยจะยืนโรงฉายเป็นเวลานานๆ เหมือนในอดีตมีน้อยลง
ทุกวันนี้แม้ภาพยนตร์ไทยยุคใหม่มีโอกาสจะมีรายได้มากขึ้นหากแต่ละเรื่องมีเวลาพิสูจน์ตัวเองเพียง 4 วันแรกเท่านั้น หากไม่สามารถทำรายได้เป็นที่น่าพอใจก็อาจถูกลดรอบหรือถอดจากโปรแกรมฉายในสัปดาห์ถัดมา
"หนังไทยประสบความสำเร็จเป็นเรื่องดีทำให้คนมีความศรัทธาคนไทย ให้เกิดโรงภาพยนตร์ใหม่ที่แตกต่าง" ก้อง ฤทธิดี นักวิจารณ์ภาพยนตร์
ปรากฏการณ์ที่ผู้ชมภาพยนตร์ต้องไปต่อแถวซื้อตัวจนล้นโรง เคยเกิดมาแล้วเมื่อปี 2542 เมื่อ นนทรี นิมิบุตร หยิบเอาตำนานแม่นาคพระโขนงกลับมาทำใหม่ในชื่อ นางนาก เพิ่มความสมจริงด้วยข้อมูลทางประวัติศาสตร์ สร้างสถิติเป็นหนังไทยรายได้ทะลุ 100 ล้านบาทเรื่องแรก ปลุกให้วงการฟื้นจากความซบเซาที่มีภาพยนตร์ปีละ 10 เป็น 50 เรื่องในระยะเวลาเพียง 2 ปี รวมทั้งแจ้งเกิดนักสร้างหนังรุ่นใหม่
ความสำเร็จของ พี่มากพระโขนง ในอีก 14 ปีถัดมาแม้จะเป็นความบังเอิญที่ล้อไปกับความแตกต่างทางรสนิยมของคนสองรุ่น หากเป็นส่วนหนึ่งของกระแสที่จะช่วยกระตุ้นให้เกิดความตื่นตัวในวงกรหนังไทยในปีนี้