ผู้นำโลกไว้อาลัย
คณะผู้นำของอังกฤษและผู้นำโลกต่างแสดงความเสียใจต่อการจากไปของนางมาร์กาเร็ต แธตเชอร์ อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงเหล็กของอังกฤษ ซึ่งถึงแก่อสัญกรรมจากอาการเส้นเลือดอุดตันในสมอง ขณะที่มีอายุได้ 87 ปี โดยนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ผู้นำอังกฤษได้กล่าวสรรเสริญนางแธตเชอร์ว่าเป็นผู้นำที่ทำให้อังกฤษกลับมายืนหยัดในเวทีโลกได้อีกครั้งและเป็นผู้นำที่ต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของชาติในทุก ๆ ด้าน ทั้งนี้นายเคเมรอนต้องยุติการเยือนสเปนกลางคันและเดินทางกลับกรุงลอนดอนทันที หลังทราบข่าวว่านางแธตเชอร์ถึงแก่อสัญกรรม
ขณะที่พระราชวังบัคกิ้งแฮมของอังกฤษออกแถลงการว่า สมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 ทรงเสียพระทัยหลังทราบข่าวการถึงแก่อสัญกรรมของนางแธตเชอร์และจะส่งพระราชสาสน์แสดงความเสียพระทัยเป็นการส่วนพระองค์ไปให้กับครอบครัวของนางแธตเชอร์
ด้านนายบารัค โอบาม่า ผู้นำสหรัฐฯ แสดงความเสียใจต่ออังกฤษและกล่าวว่า โลกต้องสูญเสียหนึ่งในอดีตผู้นำที่ยิ่งใหญ่ ผู้สร้างเสรีภาพและอิสรภาพให้กับโลก
มีรายงานว่า พิธีศพของนางแธตเชอร์จะไม่ได้จัดตามแบบรัฐพิธี แต่จะจัดขึ้นสมเกียรติที่มหาวิหารเซนต์ พอล ในกรุงลอน โดยมีพิธีสุดดีของทหารกองเกียรติยศ
นางแธตเชอร์ ซึ่งมีบรรดาศักดิ์เป็น บารอนเนส ได้รับเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกและเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงเพียงคนเดียวของอังกฤษเมื่อปีพ.ศ. 2522 โดยบริหารประเทศนานถึง 11 ปี นับเป็นนายกรัฐมนตรีของอังกฤษที่บริหารประเทศยาวนานที่สุดในศตวรรษที่ 20 เธอเป็นบุตรสาวเจ้าของร้านค้า และจบการศึกษาระดับปริญญาโทด้านเคมีจากมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด
ในช่วงต้นทศวรรษที่ 80 จำนวนคนว่างงานในอังกฤษสูงกว่า 3,000,000 คน ทำให้เธอกลายเป็นนายกรัฐมนตรีที่ได้รับความนิยมน้อยที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ แต่เธอก็ได้รับการชื่นชมจากเพื่อนร่วมงานทั้งในและนอกประเทศ รวมถึงนายโรนัลด์ เรแกน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งมิตรภาพที่ดีระหว่างทั้งสองคนในสมัยนั้นทำให้ความสัมพันธ์ของอังกฤษและสหรัฐฯเป็นไปด้วยดีมาจนถึงทุกวันนี้