รมว.สาธารณสุขยืนยันไม่ออกจากตำแหน่ง
แพทย์ และทันตแพทย์โรงพยาบาลชุมชนทั่วประเทศกว่า 500 คน เข้าร่วมแถลงการณ์ และกำหนดท่าทีการเคลื่อนไหวคัดค้านมติคณะรัฐมนตรีที่ปรับลดเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายให้กับบุคลากรสาธารณสุขในโรงพยาบาลชุมชน ตามข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุข เพราะเห็นว่านโยบายนี้ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต การเข้าถึงบริการด้านสุขภาพของประชาชน ทำให้บุคลากรทางการแพทย์ ขาดขวัญกำลังใจ ขอย้าย และลาออกจากพื้นที่ไปสู่ตัวเมือง และไปอยู่โรงพยาบาลเอกชน ทำให้ขาดแคลนกำลังคนด้านสุขภาพ โดยขณะนี้มีแพทย์ขอลาออกแล้ว 151 คนในจำนวนนี้ 2 คน แสดงเหตุผลชัดเจนว่าเป็นเพราะการปรับลดเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่าย และไม่เห็นด้วยกับการจ่ายค่าตอบแทนตามผลการปฏิบัติงาน
แกนนำแพทย์ชนบทจำนวนหนึ่งฉีกกระดาษที่มีรูปใบหน้าของ นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ และที่มีข้อความว่า P4P พร้อมกับตะโกนขับไล่ นพ.ประดิษฐ ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี ที่ด้านหน้าพรรคเพื่อไทย โดยกล่าวปฏิญาณร่วมกันแสดงจุดยืนอารยะขัดขืน เพื่อคัดค้านการปรับลดเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่าย และยืนยันจะเดินหน้าเรื่องนี้จนกว่าจะยกเลิกการจ่ายค่าตอบแทนตามผลการปฏิบัติงาน ก่อนยื่นหนังสือต่อนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เพื่อให้ถอดถอน นพ.ประดิษฐ ออกจากตำแหน่ง รวมทั้งร่วมลงชื่อเสนอให้วุฒิสภา ถอดถอน นพ.ประดิษฐ ออกจากรัฐมนตรี เนื่องจากมีพฤติกรรมเข้าข่ายกระทำความผิด จงใจใช้อำนาจหน้าที่ ขัดรัฐธรรมนูญ เปิดทางเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจข้ามชาติ และทำลายเครือข่ายตรวจสอบการทุจริตให้อ่อนแอลง
ขณะที่ นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขยืนยันไม่ลาออกจากตำแหน่งตามข้อเรียกร้องของบุคลากรสาธารณสุขโรงพยาบาลชุมชน เพราะไม่ได้ทำผิดอะไร และยังบอกว่าขณะนี้มีแพทย์ 28,000 คน ที่ลงชื่อสนับสนุนตัวเขา และนโยบายการจ่ายเงินตามภาระงาน นั่นแสดงว่านโยบายดังกล่าวมาถูกทางแล้ว และไม่ต้องการให้นำเรื่องนี้มาเกี่ยวข้องกับการเมือง หลังเครือข่ายแพทย์ชนบทเตรียมใช้แผนดาวกระจายแจ้งข้อมูลให้ประชาชนในพื้นที่เป็นแนวร่วมกดดัน
นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา ร่วมกับภาคีเครือข่ายวิชาชีพการแพทย์ และสาธารณสุข แถลงสนับสนุนการจ่ายค่าตอบแทนตามภาระงาน โดยเห็นว่า หลักการจ่ายค่าตอบแบบนี้ช่วยสร้างความสมดุลใน 3 มิติ ได้แก่ มิติระหว่างโรงพยาบาลทุกระดับ มิติระหว่างวิชาชีพ และมิติระหว่างผู้ประกอบวิชาชีพ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อระบบในระยะยาว รวมทั้งเกิดประโยชน์ต่อประชาชน และเสนอให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งรัดทำความเข้าใจกับผู้ปฏิบัติงานถึงหลักเกณฑ์วิธีการนับผลงานอย่างเป็นธรรม รวมทั้งออกแบบเกณฑ์วิธีการนับผลงานให้เหมาะสม สะดวกในแต่ละระดับของโรงพยาบาล และเกิดความร่วมมือจากทุกภาคส่วน